แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยผู้เดียวเป็นผู้ครอบครองและใช้ประโยชน์จากท่าเรือสี่พระยา ขณะเกิดเหตุเรือของจำเลยกำลังเข้าเทียบท่าเพื่อรับคนโดยสารได้มีผู้โดยสารลงไปที่โป๊ะจำนวนมาก ทำให้สะพานไม้ที่ทอดไปสู่โป๊ะหัก เป็นเหตุให้โป๊ะคว่ำจมน้ำ บุตรโจทก์ซึ่งรอโดยสารเรือของจำเลยที่โป๊ะจมน้ำตาย การตายของบุตรโจทก์เป็นผลโดยตรงของการประมาทเลินเล่อของจำเลยที่ไม่ระมัดระวังดูแลให้สะพานท่าเทียบเรืออยู่ในสภาพแข็งแรงมั่นคง ปล่อยให้สะพานไม้ที่ทอดสู่โป๊ะหัก จำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นบิดาของนายวิโรจน์ อินทราวัฒนา จำเลยเป็นนิติบุคคล และเป็นผู้ครอบครองท่าเทียบเรือด่วนสี่พระยาใช้ท่าเทียบเรือนี้ในกิจการรับส่งคนโดยสารของจำเลย จำเลยประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงไม่ระมัดระวังตรวจตราดูแลความบกพร่องและบำรุงรักษาท่าเทียบเรือและโป๊ะสำหรับขึ้นลงให้อยู่ในมาตรฐานและสภาพเรียบร้อยมั่นคงปลอดภัย สะพานไม้ทอดสู่โป๊ะสำหรับเทียบเรือรับส่งผู้โดยสารจึงหัก โป๊ะพลิกคว่ำจมน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นเหตุให้นายวิโรจน์ซึ่งซื้อตั๋วโดยสารเรือด่วนของจำเลยแล้วจมน้ำตาย จำเลยต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์ คือโจทก์ต้องสูญเสียขาดไร้อุปการะจากนายวิโรจน์คิดเป็นรายเดือน เดือนละ ๑,๕๐๐ บาท ถ้านายวิโรจน์ไม่ถึงแก่กรรมโจทก์ต้องได้รับอุปการะจากนายวิโรจน์ไม่น้อยกว่า ๑๐ ปีเป็นเงิน ๑๘๐,๐๐๐ บาท โจทก์ใช้ค่าทำศพนายวิโรจน์จำนวน ๓๐,๐๐๐ บาท จึงขอให้จำเลยชดใช้เงินจำนวน ๒๑๐,๐๐๐ บาท พร้อมทั้งดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่าโจทก์ไม่ใช่บิดาผู้ปกครองโดยชอบด้วยกฎหมายของนายวิโรจน์ จึงไม่ใช่ผู้เสียหาย ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมขัดกันในข้อสาระสำคัญ จำเลยไม่ได้ครองและเป็นเจ้าของท่าเทียบเรือตามฟ้อง จำเลยไม่ได้ประมาท อุบัติเหตุเกิดขึ้นเพราะผู้โดยสารเรือต่าง ๆ มีเป็นจำนวนมากรวมทั้งนายวิโรจน์ร่วมกันประมาทวิ่งกรูลงไปที่สะพานท่าเทียบเรือแม้จะมีคนตะโกนห้ามก็ไม่มีผู้ใดยอมรับฟัง จำเลยไม่ต้องรับผิด ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชดใช้เงินให้โจทก์จำเลย ๒๑๐,๐๐๐ บาท พร้อมทั้งดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในจำนวนเงินดังกล่าว นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำเลยใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์เป็นเงิน ๑๕๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเงินเสร็จ
โจทก์จำเลยฎีกา
ในปัญหาที่ว่าจำเลยได้กระทำละเมิดต่อโจทก์หรือไม่นั้น ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าข้อเท็จจริงน่าเชื่อตามพยานหลักฐานของโจทก์ว่าท่าเรือสี่พระยาที่เกิดเหตุจำเลยเป็นผู้ครอบครองใช้ประโยชน์แต่ผู้เดียว เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าขณะเกิดเหตุเรือของจำเลยกำลังเข้าเทียบท่าเพื่อรับคนโดยสาร สะพานไม้ที่ทอดสู่โป๊ะหัก เป็นเหตุให้โป๊ะคว่ำ เนื่องจากผู้โดยสารลงไปที่โป๊ะจำนวนมาก จึงถือเป็นความประมาทของจำเลยที่ไม่ระมัดระวังดูแลให้สะพานท่าเทียบเรืออยู่ในสภาพแข็งแรงมั่นคง ปล่อยให้สะพานไม้ที่โป๊ะจมน้ำตาย การตายของผู้ตายเป็นผลโดยตรงของการประมาทเลินเล่อของจำเลย จำเลยหาพ้นความรับผิดไม่
ศาลฎีกาพิพากษายืน