คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6079/2540

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีเฮโรอีนจำนวน 1 หลอดฉีดยาไว้ในครอบครอง และจำเลยได้เสพเฮโรอีนจำนวนดังกล่าวนั้นโดยบรรยายฟ้องว่า จำเลยกระทำความผิดหลายกรรมต่างกันจึงเป็นกรณีที่โจทก์ ประสงค์ให้ลงโทษจำเลยทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้องย่อมหมายความว่ารับว่าได้กระทำความผิดทั้งสองกรรมซึ่งเป็นความผิดต่างฐานกันตามฟ้อง แม้เฮโรอีนที่มีและใช้เสพเป็นจำนวนเดียวกันก็ถือว่าการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดสองกรรม หาใช่เป็นกรรมเดียวไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2538 เวลากลางวันจำเลยกระทำความผิดหลายกรรมต่างกันคือ จำเลยมีเฮโรอีนผสมน้ำอันเป็นยาเสพติดให้โทษชนิดร้ายแรงในประเภท 1 จำนวน1 หลอดฉีดยา ไม่อาจชั่งหาน้ำหนักเฮโรอีนได้ไว้ในครอบครอง และเฮโรอีนผสมน้ำดังกล่าว โดยวิธีฉีดเข้าร่างกายโดยไม่ได้รับอนุญาตและฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 57, 67, 91, 102 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 และริบของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 67, 91 การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษตามมาตรา 67 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 จำคุก 1 ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุก 6 เดือน ของกลางริบ คำขออื่นให้ยก
โจทก์อุทธรณ์ขอให้เรียงกระทงลงโทษ โดยขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานเสพเฮโรอีนอีกกระทงหนึ่ง
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยมีว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดสองกรรมหรือไม่ โจทก์ฎีกาว่าจำนวนเฮโรอีนซึ่งจำเลยมีไว้ในครอบครองคือเฮโรอีนจำนวน 1 หลอดฉีดยา จำเลยได้ใช้เฮโรอีนที่มีอยู่ 1 หลอดนี้เสพ คงเหลือเฮโรอีนที่เสพอยู่ในหลอดฉีดยาที่ใช้เสพนี้ ดังนั้น การที่จำเลยมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและจำเลยเสพเฮโรอีนโดยไม่ได้รับอนุญาตจึงถือว่าเป็นความผิดซึ่งแยกการกระทำออกจากกันได้การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดสองกรรม เห็นว่าโจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีเฮโรอีนจำนวน 1 หลอดฉีดยา ไว้ในครอบครองและจำเลยได้เสพเฮโรอีนจำนวนดังกล่าวนั้น โดยบรรยายฟ้องว่า จำเลยกระทำความผิดหลายกรรมต่างกันจึงเป็นกรณีที่โจทก์ประสงค์ให้ลงโทษจำเลยทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้องย่อมหมายความว่า รับว่าได้กระทำความผิดทั้งสองกรรมซึ่งเป็นความผิดต่างฐานกันตามฟ้อง แม้เฮโรอีนที่มีและใช้เสพเป็นจำนวนเดียวกันก็ถือว่าการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดสองกรรมหาใช่เป็นกรรมเดียวไม่
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 67, 91 ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 จำคุกกระทงละ 1 ปี รวมจำคุก2 ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78คงจำคุก 1 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2

Share