คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6069/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อถึงงานงวดที่ 4 จำเลยหยุดทำการก่อสร้าง โจทก์เตือนให้จำเลยก่อสร้างต่อไป จำเลยก็ไม่ยอมและในที่สุดทิ้งงานไปดังนี้ย่อมเห็นได้โดยสภาพหรือโดยเจตนาที่จำเลยได้แสดงออกจึงไม่มีเหตุผลอย่างใดที่จะต้องให้โจทก์บอกกล่าวกำหนดเวลาให้จำเลยทำการก่อสร้างต่อไปอีก เพราะถึงอย่างไรจำเลยก็ทิ้งงานหรือไม่ชำระหนี้อยู่ดี ดังนั้น โจทก์จึงชอบที่จะเลิกสัญญาเสียได้โดยมิจำต้องบอกกล่าวก่อน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จ้างจำเลยก่อสร้างบ้านตึกสองชั้น 1 หลังแต่จำเลยได้ทิ้งงานไป โดยได้ทำนาให้โจทก์เพียง 3 งวด และโจทก์ได้ชำระเงินให้จำเลยไปแล้วจำนวน 440,000 บาท โจทก์ได้ไปติดต่อให้จำเลยมาก่อสร้างให้โจทก์ตามสัญญา จำเลยเพิกเฉยโจทก์จึงบอกเลิกสัญญาไปยังจำเลย จำเลยจะต้องรับผิดชำระค่าก่อสร้างและค่าแรงคิดเป็นเงิน 403,750 บาท และค่าปรับวันละ 500 บาท เป็นเวลา 91 วัน เป็นเงิน 45,500 บาทรวมเป็นเงินทั้งสิ้นจำนวน 449,250 บาท ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 449,250 บาท แก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ7.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม โจทก์และจำเลยมิให้ถือเอากำหนดเวลาตามสัญญาเป็นข้อสาระสำคัญ โจทก์บอกเลิกสัญญาโดยมิได้กำหนดระยะเวลาพอสมควรให้จำเลยก่อสร้างบ้านให้แล้วเสร็จ โจทก์จึงไม่มีสิทธิบอกเลิกสัญญา และฟ้องเรียกค่าเสียหายหรือค่าปรับ ค่าปรับที่โจทก์เรียกสูงเกิน โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายพร้อมด้วยค่าแรงก่อสร้างเพราะจำเลยเป็นผู้จัดหาสัมภาระเอง เมื่อสร้างเสร็จโจทก์จึงมีหน้าที่จ่ายค่าสัมภาระพร้อมด้วยค่าแรงแก่จำเลย และสัมภาระตามที่โจทก์เรียกก็ยังไม่ถึงงวดของงานที่จะต้องใช้เพราะเป็นงานในงวดที่ 4 และที่ 5 ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้เงินจำนวน 250,000 บาทแก่โจทก์ พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันถัดจากวันฟ้อง (วันที่ 13 ตุลาคม 2533) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาตามที่โจทก์ฎีกามีว่า การที่จำเลยทิ้งงานงวดที่ 4 และที่ 5 จำเลยจะต้องรับผิดต่อโจทก์หรือไม่เพียงใดข้อนี้จำเลยอ้างว่าโจทก์และจำเลยตกลงกันมิให้ถือเอากำหนดเวลาตามสัญญาก่อสร้างพิพาทเป็นสาระสำคัญ ดังนั้น โจทก์จะบอกเลิกสัญญาได้ โจทก์จะต้องบอกกล่าวกำหนดเวลาพอสมควรให้จำเลยก่อสร้างต่อไปเสียก่อน แต่โจทก์หาได้ปฏิบัติดังกล่าวไม่โจทก์กลับบอกเลิกสัญญาทันที โจทก์จึงไม่มีสิทธิบอกเลิกสัญญาและเรียกค่าเสียหาย เห็นว่าเมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าพอถึงงานงวดที่ 4จำเลยหยุดทำการก่อสร้าง ครั้นโจทก์เตือนให้จำเลยก่อสร้างต่อไปจำเลยก็ไม่ยอมและในที่สุดทิ้งงานไป ดังนี้เห็นได้โดยสภาพหรือโดยเจตนาที่จำเลยได้แสดงออก ย่อมไม่มีเหตุผลอย่างใดที่จะต้องให้โจทก์บอกกล่าวกำหนดเวลาให้จำเลยทำการก่อสร้างต่อไปอีก เพราะถึงอย่างไรจำเลยก็ทิ้งงานหรือนัยหนึ่งไม่ชำระหนี้อยู่ดี ดังนั้นโจทก์ชอบที่จะเลิกสัญญาเสียได้โดยมิจำต้องบอกกล่าวก่อนดังที่จำเลยอ้าง เมื่อได้ความดังนี้ปัญหาว่ากำหนดเวลาตามสัญญาก่อสร้างเป็นสาระสำคัญหรือไม่ ได้มีการบอกกล่าวกำหนดเวลาพอสมควรให้จำเลยก่อสร้างต่อไปหรือไม่ และเรื่องบัญชีระบุพยานของจำเลยยื่นโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ไม่จำต้องวินิจฉัยเพราะไม่ทำให้ปัญหานี้เปลี่ยนแปลงไป
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share