คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6068/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ทนายโจทก์ได้ย้ายไปจากภูมิลำเนาเดิมแล้วก่อนวันนัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ดังนั้นการส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้แก่ทนายโจทก์ตามภูมิลำเนาเดิมของทนายโจทก์โดยวิธีปิดหมายจึงเป็นการไม่ชอบย่อมถือไม่ได้ว่าโจทก์ได้ทราบวันนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์โดยชอบศาลชั้นต้นจึงชอบที่จะมีคำสั่งให้นัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้โจทก์ฟังใหม่ได้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องให้จำเลยทั้งสองชำระเงินค่าก่อสร้างอาคารพร้อมด้วยดอกเบี้ยแก่โจทก์ ต่อมาโจทก์และจำเลยทั้งสองได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันโดยจำเลยทั้งสองยอมผ่อนชำระหนี้แก่โจทก์ ศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาตามยอมต่อมาโจทก์ยื่นคำขอต่อศาลชั้นต้นว่าจำเลยทั้งสองผิดสัญญาโดยชำระเงินงวดสุดท้ายเพียง 160,000 บาท ยังขาดอยู่อีก 40,000 บาท โจทก์ทวงถามแล้ว จำเลยทั้งสองเพิกเฉย ขอให้ศาลออกหมายบังคับคดียึดทรัพย์ของจำเลยทั้งสองมาชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องว่า มิได้จงใจผิดสัญญา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยทั้งสองไม่ผิดสัญญา ให้ถอนการบังคับคดีของโจทก์ โจทก์อุทธรณ์คำสั่งศาลอุทธรณ์พิพากษายืนโดยศาลชั้นต้นนัดอ่านคำสั่งให้คู่ความฟังเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2534 ถึงวันนัดโจทก์ไม่มา ถือว่าโจทก์ทราบคำพิพากษาศาลอุทธรณ์โดยชอบแล้ว
ต่อมาวันที่ 17 ตุลาคม 2534 โจทก์ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นฎีกาโดยอ้างว่าการส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้แก่ทนายโจทก์โดยวิธีปิดหมายนัดที่บ้านเลขที่ 20/10-11 ถนนชิดลมแขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นที่ตั้งสำนักงานเดิมของทนายโจทก์เป็นการไม่ชอบ เพราะทนายโจทก์ได้ย้ายออกไปจากภูมิลำเนาเดิมนานแล้ว ทนายโจทก์จึงไม่ทราบวันนัด โจทก์เพิ่งจะทราบว่าศาลชั้นต้นได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไปแล้วเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม2534 ซึ่งพ้นกำหนดที่โจทก์จะยื่นฎีกาแล้ว จึงขอให้ศาลชั้นต้นขยายระยะเวลายื่นฎีกาออกไปอีก 15 วัน นับแต่วันที่ศาลอนุญาตจำเลยทั้งสองยื่นคำแถลงคัดค้าน
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ววินิจฉัยว่า ทนายโจทก์ยังไม่ทราบวันนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ถือไม่ได้ว่าโจทก์ทราบคำพิพากษาศาลอุทธรณ์โดยชอบ จึงมีคำสั่งให้นัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์สำหรับโจทก์ใหม่แล้วอ่านให้โจทก์ฟ้อง
จำเลย ทั้ง สอง อุทธรณ์ คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
จำเลย ทั้ง สอง ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีประเด็นที่ต้องวินิจฉัยว่า โจทก์ได้ทราบวันนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์โดยชอบแล้วหรือไม่ ได้ความว่าพนักงานเดินหมายได้นำหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไปส่งให้แก่ทนายโจทก์ ณ สำนักงานของทนายโจทก์ตามที่แจ้งไว้แต่แรก ไม่พบทนายโจทก์ พบชายคนหนึ่งแจ้งว่าย้ายออกไปนายแล้ว จึงไม่ปิดหมายนัดไว้ตามคำสั่งของศาลชั้นต้นปรากฎว่าโจทก์มีเอกสารหมาย ร.1 ระบุการแจ้งย้ายภูมิลำเนาเดิมของทนายโจทก์ต่อกรมบังคับคดีเป็นหลักฐานซึ่งตามเอกสารหมาย ร.1 ลงวันที่ 11 ตุลาคม 2532 ศาลชั้นต้นนัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์วันที่ 14 มิถุนายน 2534 แสดงว่าทนายโจทก์ได้แจ้งเปลี่ยนแปลงภูมิลำเนาเดิมเป็นเวลาถึง 1 ปี 7 เดือนเศษนอกจากนี้ตามคำแถลงขอรับเงินและรับเงินและใบมอบฉันทะรับเงินของทนายโจทก์ลงวันที่ 31 ตุลาคม 2532 และค่าแถลงขอตรวจสำนวนและขอคัดเอกสารของทนายโจทก์ลงวันที่ 8 ธันวาคม 2532 และ 24 สิงหาคม2533 ตามลำดับ ก็ได้ระบุภูมิลำเนาใหม่ของทนายโจทก์ เชื่อว่าทนายโจทก์ได้ย้ายจากภูมิลำเนาเดิมไปแล้วก่อนวันนัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ดังนั้น การส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้แก่ทนายโจทก์ตามภูมิลำเนาเดิมของทนายโจทก์โดยวิธีปิดหมายจึงเป็นการไม่่่ชอบ ถือไม่ได้ว่าโจทก์ได้รับทราบวันนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์โดยชอบแล้ว ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้นัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้โจทก์ฟังใหม่แล้วอ่านให้โจทก์ฟังนั้นชอบแล้ว
พิพากษายืน

Share