คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6063/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ก่อนที่จะมีการแต่งตั้งทนายจำเลยคนใหม่ จำเลยขอเลื่อนคดีมาแล้ว 4 นัด นอกจากนี้ระหว่างสืบพยานโจทก์ จำเลยก็ขอเลื่อนคดีหลายครั้งโดยอ้างเหตุว่ากำลังเจรจาจะชำระหนี้โจทก์และอยู่ระหว่างขายทรัพย์จำนอง พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่าจำเลยมีเจตนาหน่วงเหนี่ยวให้คดีชักช้าโดยปราศจากเหตุอันสมควร ทั้ง ๆ ที่ศาลชั้นต้นได้สั่งกำชับว่าจะไม่ให้เลื่อนคดีอีกไม่ว่าด้วยเหตุผลใด จำเลยก็หาได้ตระหนักถึงคำสั่งกำชับของศาลดังกล่าวไม่ แม้จำเลยจะแต่งตั้งทนายคนใหม่ ก็ชอบที่จะให้ทนายคนใหม่เตรียมคดีให้พร้อมก่อนวันนัดหาใช่นำเอาเหตุแห่งการแต่งตั้งทนายคนใหม่มาเป็นข้ออ้างเพื่อไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีเช่นนี้ไม่ จึงเป็นการประวิงคดี ที่ศาลชั้นต้นให้งดสืบพยานจำเลยโดยไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีต่อไปอีกจึงชอบแล้ว การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดการขายทอดตลาดทรัพย์จำนองและตั้งให้จำเลยเป็นผู้จัดการทรัพย์ที่ยึด โดยให้จำเลยนำเงินมาวางเพื่อชำระหนี้โจทก์เดือนละไม่ต่ำกว่า 100,000 บาททุกวันที่ 1 ของเดือน หากเดือนใดผิดนัดให้ดำเนินการขายทอดตลาดทันทีเป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 307 จำเลยจะต้องปฏิบัติตามคำสั่งศาลดังกล่าว ทรัพย์สินของจำเลยจึงจะไม่ถูกขายทอดตลาด จำเลยจะมาขอเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการชำระหนี้หาได้ไม่ เมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลโจทก์ก็ชอบที่จะบังคับคดีได้ทันที จำนวนเงินที่จำเลยต้องชำระรวมทั้งดอกเบี้ยย่อมเป็นไปตามคำพิพากษาของศาล ดังนั้น ในชั้นบังคับคดีจำเลยจึงหามีสิทธิโต้แย้งว่าโจทก์มีสิทธิคิดดอกเบี้ยได้เพียง 5 ปีเท่านั้นไม่

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน 5,616,301.95 บาท แก่โจทก์ พร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธหนี้ตามฟ้องและว่าจำเลยทั้งสองไม่มีเจตนาจดทะเบียนจำนอง สัญญาจำนองจึงเป็นโมฆะ ขอให้ยกฟ้อง
ในวันนัดสืบพยานจำเลยซึ่งได้เลื่อนมาเป็นนัดที่ 4 ทนายจำเลยทั้งสองขอเลื่อนการพิจารณาคดีอีก อ้างว่าเพิ่งได้รับแต่งตั้งให้เป็นทนายจำเลยทั้งสอง ยังไม่ทราบข้อเท็จจริงแห่งคดีและยังไม่ได้รับสำนวนจากทนายคนเดิม และเห็นว่าจำเลยทั้งสองมีเจตนาประวิงคดี จึงไม่อนุญาตให้จำเลยทั้งสองเลื่อนคดี และให้ถือว่าจำเลยทั้งสองไม่มีพยานมาสืบให้งดสืบพยานจำเลยทั้งสอง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันและแทนกันชำระเงินจำนวน 5,616,301.95 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปีในต้นเงิน 4,614,044.98 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ หากจำเลยทั้งสองไม่ชำระให้ยึดทรัพย์สินซึ่งจำนองออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้ให้แก่โจทก์ หากได้เงินไม่พอชำระหนี้ให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งสองออกขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้ให้แก่โจทก์จนครบถ้วน
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้เลื่อนคดี
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 ที่ไม่อนุญาตให้เลื่อนคดี
ระหว่างพิจารณาของศาลฎีกาและประกาศขายทอดตลาดทรัพย์จำนองจำเลยที่ 1 ขอให้นำรายได้จากการประกอบกิจการในทรัพย์ที่ยึดมาชำระหนี้โจทก์แทนการขายทอดตลาด ศาลชั้นต้นมีคำสั่งตั้งจำเลยที่ 1เป็นผู้จัดการทรัพย์ที่ยึดและให้นำเงินมาวางศาลเพื่อชำระหนี้โจทก์เดือนละไม่ต่ำกว่า 100,000 บาท โดยชำระให้เสร็จสิ้นภายใน 10 ปี
ต่อมาภายหลังจากที่จำเลยที่ 1 ชำระเงินตามคำสั่งศาลแล้ว2 เดือน จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องว่า โจทก์มีสิทธิคิดดอกเบี้ยได้เพียง5 ปีเท่านั้น ที่โจทก์คิดดอกเบี้ยถึง 10 ปี ไม่ชอบด้วยกฎหมายและขณะนี้ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทำให้ไม่สามารถชำระเงินให้โจทก์ได้ถึงเดือนละ 100,000 บาท ขอให้ศาลสั่งให้โจทก์คิดดอกเบี้ยให้ถูกต้องและให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินแก่โจทก์เพียงเดือนละ 30,000 บาทให้เสร็จสิ้นภายใน 5 ปี
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ในปัญหาแรกจำเลยทั้งสองฎีกาว่า การที่จำเลยทั้งสองได้แต่งตั้งทนายคนใหม่แทนคนเก่าที่ถอนตัว ทนายคนใหม่ของจำเลยทั้งสองเพิ่งได้รับแต่งตั้งทั้งยังไม่ได้รับสำนวนจากทนายคนเก่า ศาลชั้นต้นชอบที่จะอนุญาตให้เลื่อนคดีนั้น เห็นว่าก่อนที่จะมีการแต่งตั้งทนายคนใหม่ของจำเลยทั้งสอง จำเลยทั้งสองขอเลื่อนคดีมาแล้ว 4 นัด นอกจากนี้ระหว่างสืบพยานโจทก์จำเลยทั้งสองก็ขอเลื่อนคดีหลายครั้งโดยอ้างเหตุว่ากำลังเจรจาจะชำระหนี้ให้โจทก์และอยู่ระหว่างขายทรัพย์จำนอง พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่าจำเลยทั้งสองมีเจตนาหน่วงเหนี่ยวให้คดีชักช้าโดยปราศจากเหตุอันสมควร ทั้ง ๆ ที่ศาลชั้นต้นได้สั่งกำชับให้เตรียมพยานมาสืบให้เสร็จหลังจากมีการเลื่อนคดีมาหลายนัดแล้ว และสั่งด้วยว่าจะไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีอีกไม่ว่าด้วยเหตุใด จำเลยทั้งสองก็หาได้ตระหนักถึงคำสั่งกำชับของศาลดังกล่าวไม่ แม้จำเลยทั้งสองจะแต่งตั้งทนายคนใหม่ ก็ชอบที่จะให้ทนายคนใหม่เตรียมคดีให้พร้อมก่อนวันนัด หาใช่นำเอาเหตุแห่งการแต่งตั้งทนายคนใหม่มาเป็นข้ออ้างเพื่อไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีไม่ว่าด้วยเหตุใดเช่นนี้ไม่พฤติการณ์ของจำเลยทั้งสองจึงเป็นการประวิงคดี ที่ศาลชั้นต้นให้งดสืบพยานจำเลยโดยไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีต่อไปอีกและศาลอุทธรณ์ภาค 1พิพากษายืน จึงชอบแล้ว
ส่วนฎีกาของจำเลยที่ 1 ฉบับหลังในปัญหาที่ว่า การคิดดอกเบี้ยไม่ถูกต้องและมีเหตุเปลี่ยนแปลงจำนวนเงินและระยะเวลาชำระหนี้หรือไม่ซึ่งจำเลยที่ 1 ฎีกาว่า เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำด้วยเหตุต่าง ๆจึงขอลดจำนวนเงินที่ผ่อนชำระลงและย่นเวลาชำระหนี้อีก 5 ปี และโจทก์มีสิทธิคิดดอกเบี้ยได้เพียง 5 ปีนั้น เห็นว่า ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดการขายทอดตลาดทรัพย์จำนอง และตั้งให้จำเลยที่ 1 เป็นผู้จัดการทรัพย์ที่ยึด โดยให้จำเลยที่ 1 นำเงินมาวางศาลเพื่อชำระหนี้โจทก์เดือนละไม่ต่ำกว่า 100,000 บาท ทุกวันที่ 1 ของเดือน หากเดือนใดผิดนัดให้ดำเนินการขายทอดตลาดทันที เป็นกรณีที่ศาลมีคำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 307 จำเลยที่ 1 จะต้องปฏิบัติตามคำสั่งศาลดังกล่าวทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 จึงจะไม่ถูกขายทอดตลาด จำเลยที่ 1 จะมาขอเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการชำระหนี้หาได้ไม่ ทั้งการขอลดจำนวนเงินที่ผ่อนชำระลงและขอย่นเวลาชำระหนี้นั้นย่อมเป็นไปไม่ได้ เมื่อจำเลยที่ 1 ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลโจทก์ก็ชอบที่จะบังคับคดีได้ทันที โดยไม่จำต้องทำการไต่สวนคำร้องของจำเลยที่ 1 ส่วนเรื่องจำนวนเงินที่จำเลยทั้งสองต้องชำระรวมทั้งดอกเบี้ยย่อมเป็นไปตามคำพิพากษาของศาล ในชั้นนี้จำเลยที่ 1หามีสิทธิโต้แย้งว่าโจทก์มีสิทธิคิดดอกเบี้ยได้เพียง 5 ปีเท่านั้นไม่
พิพากษายืน

Share