คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6060/2559

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้โจทก์บรรยายฟ้องว่า เมทแอมเฟตามีนชนิดเกล็ด มีน้ำหนักรวม 84.56 กรัม คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 88.723 กรัม น้ำหนักรวมน้อยกว่าปริมาณสารบริสุทธิ์ แต่ตามรายงานการตรวจพิสูจน์ ระบุเมทแอมเฟตามีนชนิดเกล็ด มีน้ำหนักรวม 84.56 กรัม มีความบริสุทธิ์ร้อยละ 95.45 เมื่อคำนวณแล้วจะได้ผลเป็นสารบริสุทธิ์ 80.712 กรัม ดังนั้น ตามรายงานการตรวจพิสูจน์ที่ระบุว่า คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 88.723 กรัม นั้น เป็นการคำนวณผิดพลาด ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในการพิจารณาเกี่ยวกับการคำนวณหาปริมาณสารบริสุทธิ์แตกต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้อง แต่ไม่ใช่ข้อสาระสำคัญที่จะเป็นเหตุให้รับฟังเป็นพยานหลักฐานไม่ได้ทั้งหมด ทั้งการบรรยายฟ้องที่คลาดเคลื่อนดังกล่าวก็ไม่เป็นเหตุให้จำเลยหลงต่อสู้ ศาลย่อมลงโทษจำเลยตามข้อเท็จจริงที่ได้ความนั้นได้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคสอง ประกอบ พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ.2550 มาตรา 3

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 100/1, 102 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 4, 7, 72 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 58, 91 ริบเมทแอมเฟตามีน เครื่องชั่งดิจิตอลและบัญชีรายชื่อลูกค้าของกลาง บวกโทษจำคุกที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 306/2553 ของศาลชั้นต้นเข้ากับโทษของจำเลยในคดีนี้
จำเลยให้การรับสารภาพข้อหามีอาวุธปืนมีทะเบียนของผู้อื่นไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตและรับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้บวกโทษ แต่ให้การปฏิเสธข้อหามีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคสาม (2), 66 วรรคสาม พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 6, 72 วรรคสาม เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุกตลอดชีวิต และปรับ 2,000,000 บาท ฐานมีอาวุธปืนที่มีทะเบียนของผู้อื่นไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุก 6 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายในชั้นจับกุมและให้การรับสารภาพฐานมีอาวุธปืนมีทะเบียนของผู้อื่นไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายหนึ่งในสี่ ฐานมีอาวุธปืนมีทะเบียนของผู้อื่นไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 53 ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย คงจำคุก 37 ปี 6 เดือน และปรับ 1,500,000 บาท ฐานมีอาวุธปืนมีทะเบียนของผู้อื่นไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต คงจำคุก 3 เดือน รวมจำคุก 37 ปี 9 เดือน และปรับ 1,500,000 บาท บวกโทษจำคุก 3 เดือน ที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 306/2553 ของศาลชั้นต้น เข้ากับโทษในคดีนี้ คงจำคุก 37 ปี 12 เดือน และปรับ 1,500,000 บาท ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 โดยให้กักขังได้เกินกว่าหนึ่งปีแต่ไม่เกินสองปี ริบเมทแอมเฟตามีน เครื่องชั่งดิจิตอลและบัญชีรายชื่อลูกค้าของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์แผนกคดียาเสพติดพิพากษาแก้เป็นว่า ให้ปรับ 1,000,000 บาท ลดโทษให้หนึ่งในสี่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้ว คงปรับ 750,000 บาท รวมโทษทุกกระทงแล้ว เป็นจำคุก 37 ปี 12 เดือน และปรับ 750,000 บาท นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังโดยไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกาโต้แย้งคัดค้านว่า ในวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง เจ้าพนักงานตรวจจับกุมจำเลยได้พร้อมด้วยของกลาง คือ เมทแอมเฟตามีนชนิดเกล็ดสีขาวบรรจุในถุงพลาสติก 5 ถุง น้ำหนัก 84.56 กรัม คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 88.723 กรัม เมทแอมเฟตามีน 4 เม็ด น้ำหนัก 0.37 กรัม คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 0.092 กรัม อาวุธปืนพกขนาด 9 มม. หมายเลขทะเบียน กท 5000676 จำนวน 1 กระบอก กระสุนปืนขนาด 9 มม. จำนวน 14 นัด เครื่องชั่งน้ำหนักดิจิตอล 1 เครื่อง และบัญชีรายชื่อลูกค้า 2 แผ่น ในข้อหามีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและมีอาวุธปืนที่เป็นของผู้อื่นซึ่งได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้ตามกฎหมายโดยไม่ได้รับใบอนุญาต สำหรับข้อหามีอาวุธปืนที่เป็นของผู้อื่นซึ่งได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้ตามกฎหมายโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า ศาลล่างทั้งสองปรับบทลงโทษถูกต้องหรือไม่ โดยจำเลยฎีกาว่า เมทแอมเฟตามีนตามฟ้องมีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์มากกว่าน้ำหนักรวมจึงแตกต่างในสาระสำคัญ จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์เกินยี่สิบกรัมนั้น เห็นว่า แม้โจทก์บรรยายฟ้องว่า เมทแอมเฟตามีนชนิดเกล็ด 5 ซอง มีน้ำหนักรวม 84.56 กรัม คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 88.723 กรัม น้ำหนักรวมน้อยกว่าปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ แต่ข้อเท็จจริงปรากฏตามรายงานการตรวจพิสูจน์ว่า ของกลางรายการที่ 1 หมายถึงเมทแอมเฟตามีนชนิดเกล็ด 5 ซอง มีน้ำหนักรวม 84.56 กรัม มีความบริสุทธิ์ร้อยละ 95.45 ซึ่งจำเลยไม่โต้แย้งข้อเท็จจริง เมื่อคำนวณความบริสุทธิ์ร้อยละ 95.45 จากน้ำหนักรวม 84.56 กรัม แล้ว ผลการคำนวณหาปริมาณสารบริสุทธิ์ได้ 80.712 กรัม ดังนั้น ตามรายงานการตรวจพิสูจน์ที่ระบุว่า คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 88.723 กรัม นั้น เป็นการคำนวณผิดพลาด ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในการพิจารณาเกี่ยวกับการคำนวณหาปริมาณสารบริสุทธิ์แตกต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้อง แต่ไม่ใช่ข้อสาระสำคัญที่จะเป็นเหตุให้รับฟังเป็นพยานหลักฐานไม่ได้ทั้งหมด ทั้งการบรรยายฟ้องที่คลาดเคลื่อนก็ไม่เป็นเหตุให้จำเลยหลงต่อสู้ ศาลย่อมลงโทษจำเลยตามข้อเท็จจริงที่ได้ความนั้นได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสอง ประกอบพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ.2550 มาตรา 3 เมื่อคำนวณสารบริสุทธิ์รวมกับเมทแอมเฟตามีนของกลางอีก 4 เม็ด ที่คำนวณสารบริสุทธิ์ได้ 0.092 กรัม แล้ว รวมปริมาณเป็นสารบริสุทธิ์ 80.804 กรัม ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่า เมทแอมเฟตามีนของกลางที่จำเลยมีไว้ในครอบครองมีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์เกินยี่สิบกรัมขึ้นไป การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 66 วรรคสาม ศาลล่างทั้งสองปรับบทลงโทษถูกต้องแล้ว ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share