คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 606/2517

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องจำเลยข้อหาลักทรัพย์หรือรับของโจร ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยกระทำผิดฐานรับของโจร จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าคดีฟังไม่ได้ว่าจำเลยเป็นผู้กระทำผิด พิพากษายกฟ้องโจทก์ เช่นนี้ โจทก์ร่วมจะฎีกาในข้อเท็จจริงขอให้ลงโทษจำเลยในข้อหาลักทรัพย์อีกไม่ได้เพราะความผิดฐานลักทรัพย์นั้น ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์โดยอาศัยข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 แม้ศาลชั้นต้นจะสั่งรับฎีกาของโจทก์ร่วม ศาลฎีกาก็วินิจฉัยให้ไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองฐานลักทรัพย์หรือรับของโจร

จำเลยให้การปฏิเสธ

ผู้เสียหายขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลชั้นต้นอนุญาต

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดฐานรับของโจรตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357 ส่วนจำเลยที่ 1 ให้ยกฟ้อง

โจทก์ร่วมและจำเลยที่ 2 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า คดีเฉพาะจำเลยที่ 2 เป็นที่สงสัย จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้เป็นผลดีแก่จำเลยที่ 2 พิพากษาแก้ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 2 ด้วย

โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ฐานรับของโจร

โจทก์ร่วมฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองในข้อหาความผิดฐานลักทรัพย์ ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาเฉพาะจำเลยที่ 2

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ร่วมฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงในข้อหาความผิดฐานลักทรัพย์ซึ่งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ยกคำขอข้อนี้โดยอาศัยข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 219 ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของโจทก์ร่วมมาไม่ชอบ ศาลฎีกาวินิจฉัยให้ไม่ได้สำหรับข้อหาความผิดฐานรับของโจรตามฎีกาของโจทก์นั้น ศาลฎีกาเห็นว่าพยานหลักฐานของโจทก์ยังไม่พอฟังว่าจำเลยที่ 2กระทำความผิด

พิพากษายืน

Share