คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6057/2545

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

หนังสือมอบอำนาจของเจ้าหนี้ระบุข้อความอันเป็นการกระทำภายในขอบอำนาจแห่งฐานตัวแทนไว้โดยชัดแจ้งว่า ให้ ก. ผู้รับมอบอำนาจมีอำนาจเพียงเจรจาตกลงกับลูกหนี้จนเสร็จการเท่านั้น มิได้มอบอำนาจให้เป็นตัวแทนรับชำระหนี้จากลูกหนี้แต่อย่างใด การที่ ก. รับชำระหนี้ตามหนังสือรับสภาพหนี้ไว้จากลูกหนี้ จึงเป็นการกระทำนอกเหนือขอบอำนาจของตัวแทน ทั้งตามหนังสือมอบอำนาจก็ระบุว่าเจ้าหนี้ยอมรับผิดต่อลูกหนี้เฉพาะในการกระทำที่ ก. ได้ทำไปตามที่เจ้าหนี้มอบอำนาจเท่านั้น เจ้าหนี้จึงไม่ต้องผูกพันกับการรับชำระหนี้ของ ก. ประกอบกับตามทางสอบสวนของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ก็ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงใดอันจะพึงถือได้ว่า ทางปฏิบัติของเจ้าหนี้ทำให้ลูกหนี้มีมูลเหตุอันสมควรจะเชื่อว่าการชำระหนี้แก่ ก. นั้นอยู่ภายในขอบอำนาจของ ก. ซึ่งจะทำให้เจ้าหนี้ต้องรับผิดต่อลูกหนี้ผู้สุจริตเสมือนว่า ก. เป็นตัวแทนผู้มีอำนาจรับชำระหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 822 ประกอบมาตรา 821 การรับชำระหนี้ของ ก. จึงเป็นการกระทำโดยปราศจากอำนาจย่อมไม่ผูกพันเจ้าหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 823 เจ้าหนี้ชอบที่จะได้รับชำระหนี้ตามหนังสือรับสภาพหนี้เต็มจำนวน โดยเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่มีอำนาจนำเงินที่ลูกหนี้ชำระต่อ ก. ซึ่งมิใช่บุคคลผู้มีอำนาจรับชำระหนี้แทนเจ้าหนี้มาหักชำระหนี้ได้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้เมื่อวันที่22 มกราคม 2544 และตั้งบริษัทเควินแอนด์ เคิร์ท จำกัด เป็นผู้ทำแผน

เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตามหนังสือรับสภาพหนี้อันเกิดจากสัญญาจ้างเหมาช่วงก่อสร้างทางหลวงสายบ้านท่าจักร -อำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน เป็นเงิน 2,623,063.63 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ7.5 ต่อปี จากต้นเงินจำนวน 2,606,771.31 บาท นับแต่วันถัดจากวันที่ศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการจนกว่าจะได้รับชำระหนี้เสร็จสิ้น

เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้ให้เจ้าหนี้ ลูกหนี้ หรือผู้ทำแผนตรวจคำขอรับชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 90/29 แล้วปรากฏว่าผู้ทำแผนโต้แย้งคำขอรับชำระหนี้รายนี้ว่า ลูกหนี้ได้ชำระหนี้แล้วบางส่วนหากเป็นหนี้อยู่จริงก็ไม่เกินจำนวน 2,256,771.31 บาท

เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนแล้วมีคำสั่งอนุญาตให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้เป็นเงิน 2,207,652.72 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 3พฤษภาคม 2544 จนกว่าจะได้รับชำระหนี้เสร็จสิ้น

เจ้าหนี้ยื่นคำร้องคัดค้านว่า เจ้าหนี้ไม่เคยได้รับชำระหนี้จำนวน 450,000 บาทจากลูกหนี้ จึงมีสิทธิได้รับชำระหนี้พร้อมดอกเบี้ยตามคำขอรับชำระหนี้

ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้ยกคำร้อง

เจ้าหนี้อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า ลูกหนี้ได้ทำสัญญาจ้างเหมาช่วงก่อสร้างทางหลวงสายบ้านท่าจักร – อำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูนกับเจ้าหนี้แล้วผิดสัญญา เจ้าหนี้ได้มอบอำนาจให้นายกฤษณ์ โภชนาจันทร์ เป็นตัวแทนเจรจาตกลงค่าเสียหายกับลูกหนี้ ตามสำเนาหนังสือมอบอำนาจลงวันที่ 18ตุลาคม 2542 ในสำนวนสอบสวนของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ต่อมาวันที่ 10พฤษภาคม 2543 ลูกหนี้ได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้แก่เจ้าหนี้เป็นเงิน 3,908,386.59บาท และวันที่ 22 ธันวาคม 2543 ลูกหนี้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ฉบับใหม่ขอยกเลิกหนังสือรับสภาพหนี้ฉบับเดิมโดยขอรับสภาพหนี้แก่เจ้าหนี้เป็นเงิน 2,606,771.31บาท และลูกหนี้ได้ชำระหนี้ด้วยแคชเชียร์เช็คของธนาคารยูโอบีรัตนสิน สาขางามวงศ์วาน เลขที่ 2062394 จำนวนเงิน 350,000 บาท กับโอนเงินจำนวน 100,000 บาท รวมเป็นเงิน 450,000 บาทให้แก่นายกฤษณ์เพื่อชำระหนี้ดังกล่าว คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของเจ้าหนี้ว่า เจ้าหนี้ชอบที่จะได้รับชำระหนี้ดังกล่าวเต็มจำนวน 2,606,771.31 บาท โดยเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่มีอำนาจนำเงินจำนวน 450,000บาท ที่ลูกหนี้ชำระหนี้ต่อนายกฤษณ์มาหักชำระหนี้หรือไม่ เห็นว่า ตามสำเนาหนังสือมอบอำนาจของเจ้าหนี้ดังกล่าวระบุข้อความอันเป็นการกระทำภายในขอบอำนาจแห่งฐานตัวแทนไว้โดยชัดแจ้งว่า ให้นายกฤษณ์ผู้รับมอบอำนาจมีอำนาจแต่เพียงเจรจาตกลงกับลูกหนี้จนเสร็จการเท่านั้น มิได้มอบอำนาจให้นายกฤษณ์เป็นตัวแทนรับชำระหนี้จากลูกหนี้แต่อย่างใด การที่นายกฤษณ์รับชำระหนี้ตามหนังสือรับสภาพหนี้ไว้จากลูกหนี้จึงเป็นการกระทำนอกเหนือขอบอำนาจของตัวแทน ทั้งตามหนังสือมอบอำนาจของเจ้าหนี้ก็ระบุว่าเจ้าหนี้ยอมรับผิดต่อลูกหนี้เฉพาะในการกระทำที่นายกฤษณ์ได้ทำไปตามที่เจ้าหนี้มอบอำนาจเท่านั้น เจ้าหนี้จึงไม่ต้องผูกพันกับการรับชำระหนี้ของนายกฤษณ์ประกอบกับตามทางสอบสวนของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ก็ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงใดอันจะพึงถือได้ว่า ทางปฏิบัติของเจ้าหนี้ทำให้ลูกหนี้มีมูลเหตุอันสมควรจะเชื่อว่าการชำระหนี้แก่นายกฤษณ์นั้นอยู่ภายในขอบอำนาจของนายกฤษณ์ซึ่งจะทำให้เจ้าหนี้ต้องรับผิดต่อลูกหนี้ผู้สุจริตเสมือนว่านายกฤษณ์เป็นตัวแทนผู้มีอำนาจรับชำระหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 822 ประกอบมาตรา 821 การรับชำระหนี้ของนายกฤษณ์ จึงเป็นการกระทำโดยปราศจากอำนาจย่อมไม่ผูกพันเจ้าหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 823 เจ้าหนี้ชอบที่จะได้รับชำระหนี้ตามหนังสือรับสภาพหนี้เต็มจำนวน 2,606,771.31 บาท โดยเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่มีอำนาจนำเงินที่ลูกหนี้ชำระหนี้ต่อนายกฤษณ์ซึ่งมิใช่ตัวบุคคลผู้มีอำนาจรับชำระหนี้แทนเจ้าหนี้จำนวน 450,000 บาท มาหักชำระหนี้ได้ ที่ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งมานั้นไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา อุทธรณ์ของเจ้าหนี้ฟังขึ้น”

พิพากษากลับ ให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้จำนวน2,606,771.31 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันถัดจากวันที่ศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการ (วันที่ 23 มกราคม 2544) จนกว่าจะได้รับชำระเสร็จสิ้น

Share