คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 605/2500

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ยิงในระหว่างวิวาท 2 นัด นัดหนึ่งถูกคู่วิวาทที่น่องทะลุ เป็นความผิดฐานพยายามฆ่าโดยเจตนา
คู่วิวาทฝ่ายหนึ่งใช้หอกแทงฝ่ายหนึ่งใช้ปืนตี ปืนลั่น 2 นัดถูกอีกฝ่ายหนึ่งที่น่องทะลุ แม้จะฟังไม่ได้ว่าได้ยิงโดยอาการอย่างใดก็ยังฟังได้ว่าฝ่ายที่ถือปืนอยู่ในมือตั้งใจยิง ไม่ใช่ลั่นไปเอง

ย่อยาว

คดีนี้โจทก์ฟ้องกล่าวหาว่า เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2497 เวลากลางวัน จำเลยทั้งสองสมัครใจเข้าวิวาททำร้ายซึ่งกันและกันจำเลยที่ 1 ใช้อาวุธปืนยิงจำเลยที่ 2 หลายนัดโดยเจตนาฆ่าให้ตาย แต่กระสุนปืนถูกจำเลยที่ 2 หนึ่งนัดที่ขาซ้ายทะลุซึ่งไม่ใช่ที่สำคัญ เป็นบาดแผลไม่สาหัส จำเลยที่ 2 จึงไม่ถึงแก่ความตายและจำเลยที่ 1 ใช้อาวุธปืนตีจำเลยที่ 2 บาดเจ็บอีกหลายแห่งฝ่ายจำเลยที่ 2 ใช้หอกแทงจำเลยที่ 1 ถูกแขนขวาบาดเจ็บ 2 แผล เหตุเกิดบนทางคนเดินอันเป็นที่สาธารณะที่ตำบลหนองน้ำใหญ่ ท้องที่ อำเภอผักไห่ เจ้าพนักงานได้หอก 1 เล่ม กระสุนปืนและปลอกกระสุนปืนขนาด 09 ม.ม. 1 นัดกับ 1 ปลอก ที่จำเลยใช้ทำผิดเป็นของกลางขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 254, 335(6) และ มาตรา 249,60 กับขอให้ริบของกลาง

จำเลยที่ 1 ให้การปฏิเสธต่อสู้ว่า จำเลยที่ 2 เมาสุราเอาหอกแทงจำเลยที่ 1 ๆ ปัดป่ายป้องกันตัวไปปืนได้ลั่นขึ้น จำเลยที่ 1 ไม่ได้ตั้งใจใช้อาวุธปืนยิงจำเลยที่ 2

จำเลยที่ 2 ให้การว่าจำเลยที่ 1 ถือปืนมาร้องด่าท้าทายที่หน้าบ้านจำเลยที่ 2 ๆ ทนไม่ไหวกระโดดเรือนไปเอาหอกที่คอกควายถือมาหน้าบันได จำเลยที่ 1 จึงใช้ปืนยิงจำเลยที่ 2 ถูกไหปลาร้าข้างซ้าย แล้วยิงซ้ำถูกน่องข้างซ้าย จำเลยที่ 2 ล้มลง จำเลยที่ 1 เอาปืนตีจำเลยที่ 2 ถูกศีรษะและเนื้อตัว จำเลยที่ 2 จึงเอาหอกแทงจำเลยที่ 1 ไป 1 ที เพื่อป้องกันตัว

ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยาพิจารณาแล้วฟังคดีสมข้อหาพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 249, 60 วางโทษจำคุก 10 ปี จำเลยที่ 2 ผิด มาตรา 254 วางโทษ จำคุก 6 เดือน กับปรับ 200 บาท แต่คำให้การและคำเบิกความของจำเลยทั้งสองมีประโยชน์ในการพิจารณาอยู่มาก จึงลดฐานปรานีตามมาตรา 59 ให้คนละกึ่งหนึ่ง คงให้ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 5 ปี จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 3 เดือน กับปรับ 100 บาทแต่โทษจำคุกให้รอไว้ 3 ปี ส่วนค่าปรับถ้าไม่ชำระให้จัดการตามมาตรา 18 ของกลางให้ริบเสีย

จำเลยที่ 1 อุทธรณ์ฝ่ายเดียว

ศาลอุทธรณ์คงฟังคดีทำนองเดียวกับศาลจังหวัด เว้นแต่เชื่อว่าปืนลั่นขึ้นโดยจำเลยที่ 1 ไม่ได้ยิงและไม่มีเจตนาจะยิงจำเลยที่ 2 พิพากษาแก้ว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 254 และ มาตรา 335(6) วางโทษจำคุก 6 เดือน กับปรับ 200 บาท ตามมาตรา 254 และลดฐานปรานีตาม มาตรา 59 ให้กึ่งหนึ่งเหลือโทษจำคุก 3 เดือน กับปรับ 100 บาท โทษจำคุกให้รอไว้ในกำหนด 3 ปี ค่าปรับถ้าไม่ชำระให้จัดการตาม มาตรา 18 นอกจากที่แก้นี้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลจังหวัด

โจทก์ฎีกาว่า รูปคดีและข้อเท็จจริงน่าเชื่อว่า จำเลยที่ 1 ใช้ปืนยิงพยายามฆ่าจำเลยที่ 2 ดั่งคำฟ้องของโจทก์ จึงขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ตามคำพิพากษาศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา

ศาลฎีกาได้ตรวจสำนวนและประชุมปรึกษาคดีนี้แล้ว เห็นว่าทางพิจารณาตามหลักฐานพยานโจทก์ฟังได้ดั่งที่ศาลทั้งสองวินิจฉัยมาว่าจำเลยทั้งสองทะเลาะวิวาทกันแล้วต่างก็เข้าทำร้ายกันและกัน จำเลยที่ 1 เอาปืนสั้นตี จำเลยที่ 2 เอาหอกแทง ต่างมีบาดเจ็บด้วยกัน และในระหว่างที่ทำร้ายกันและกันอยู่นี้ ปืนที่จำเลยที่ 1 ใช้ตีจำเลยที่ 2 ได้ลั่นขึ้น 2 นัด ซึ่งนัดหนึ่งถูกน่อง จำเลยที่ 2 ทะลุ ศาลฎีกาเห็นว่า ถึงแม้ตามคำพยานโจทก์จะฟังเอาเป็นแน่ไม่ได้ว่า จำเลยที่ 1 ได้ยิงโดยกิริยาอาการอย่างใดดั่งที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยก็ดี แต่ปืนนั้นได้อยู่ในมือจำเลยที่ 1 ตลอดเวลา ที่จำเลยที่ 1 วิวาทต่อสู้กับจำเลยที่ 2 และได้ลั่นออกถึง 2 นัดในระหว่างเวลานั้น ทั้งนัดหนึ่งก็ได้ถูกน่องจำเลยที่ 2 ทะลุด้วย พฤติการณ์ทั้งนี้ย่อมชี้ให้เห็นว่าปืนได้ลั่นออกโดยจำเลยที่ 1 ยิงคู่ต่อสู้ของตน ไม่มีเหตุผลที่จะน่าเห็นว่าปืนลั่นออกไปเองได้ถึงสองนัดโดยอย่างไร เหตุผลต่าง ๆ ที่ศาลอุทธรณ์ยกขึ้นวินิจฉัยไม่พอจะทำให้สงสัยได้ว่าปืนลั่นขึ้นเองโดยจำเลยที่ 1 มิได้ยิงและการที่จำเลยที่ 1 ใช้อาวุธปืนอันร้ายแรงยิงคู่วิวาทของตนถึง 2 นัดเช่นนี้ ย่อมวินิจฉัยได้ว่าจำเลยที่ 1 ยิงโดยเจตนาจะฆ่า จำเลยที่ 2 ให้ตาย ความผิดของจำเลยที่ 1 จึงเป็นฐานพยายามฆ่าคนตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 249, 60 อันเป็นบทที่มีอัตราโทษ หนักกว่าฐานทำร้ายร่างกาย ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้วางโทษจำเลยที่ 1 มาโดยควรแก่รูปคดีแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น

ศาลฎีกาพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ลงโทษจำเลยที่ 1ตามคำพิพากษาศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา

Share