คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 604/2526

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่ศาลชั้นต้นโดยผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนสั่งรับฎีกาจำเลยว่า ข้อเท็จจริงบางอย่างที่จำเลยฎีกาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ยังมิได้วินิจฉัย สมควรที่จะให้ศาลฎีกาวินิจฉัยฎีกาของจำเลยได้ จึงอนุญาตให้จำเลยฎีกาข้อเท็จจริงได้นั้นมิได้เป็นการอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงโดยชอบเพราะการที่จะรับเป็นฎีกาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 221 จะต้องปรากฏว่าข้อความที่ตัดสินนั้นเป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลสูงสุดและอนุญาตให้ฎีกา เมื่อศาลชั้นต้นมิได้ยกเหตุตามกฎหมายขึ้นอ้าง จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการอนุญาตให้ฎีกาโดยชอบ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกร่วมกันลักเรือยนต์ของผู้เสียหาย โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดและพาทรัพย์นั้นไป ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335, 336 ทวิ และ 83 ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 11 ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน 2514 ข้อ 13 และให้ริบเรือยนต์ของกลางที่จำเลยกับพวกใช้ในการกระทำผิด

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335และ 336 ทวิ จำคุก 3 ปี เรือของกลางที่ใช้ในการกระทำผิดให้ริบ

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกาโดยผู้พิพากษาศาลชั้นต้นซึ่งพิจารณาคดีและลงชื่อในคำพิพากษาอนุญาตให้ฎีกาในข้อเท็จจริงได้

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ศาลล่างทั้งสองฟังข้อเท็จจริงต้องกันว่า จำเลยกับพวกอีกสองคนที่หลบหนีไปร่วมกันลักเรือยนต์เทพพิทักษ์ของนายสุภาพ ขันทสุวรรณผู้เสียหาย โดยจำเลยกับพวกใช้เรือยนต์อีกลำหนึ่งชื่อสุภาพชายเป็นยานพาหนะเพื่อความสะดวกแก่การลักทรัพย์และพาทรัพย์นั้นไป ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยมีกำหนด 3 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนคดีจึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 จำเลยฎีกาโดยอ้างว่าเป็นปัญหาทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ศาลชั้นต้นโดยผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนเป็นผู้ตรวจสั่งรับฎีกาจำเลยว่า “ข้อเท็จจริงบางอย่างที่จำเลยฎีกาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ยังมิได้วินิจฉัย สมควรที่จะให้ศาลฎีกาได้วินิจฉัยฎีกาของจำเลยได้จึงอนุญาตให้จำเลยฎีกาข้อเท็จจริงได้” การที่จะรับเป็นฎีกาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 221 จะต้องปรากฏว่าข้อความที่ตัดสินนั้นเป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลสูงสุดและอนุญาตให้ฎีกาได้ แต่คดีนี้ศาลชั้นต้นมิได้ยกเหตุตามบทกฎหมายดังกล่าว จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการอนุญาตให้ฎีกาโดยชอบ

ให้ยกฎีกาจำเลย

Share