แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยที่ 2 เป็นหุ้นส่วนเดินรถโดยสารประจำทางกับจำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 1 เป็นผู้ขับขี่ จำเลยที่ 2 เป็นผู้ควบคุมรถและเก็บค่าโดยสาร ถ้าจำเลยที่ 1 ขับขี่รถยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้บุตรโจทก์ถึงแก่ความตาย และตัวโจทก์ได้รับบาดเจ็บ จำเลยที่ 2 ก็ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ในผลแห่งละเมิดที่จำเลยที่ 1 กระทำต่อโจทก์เช่นเดียวกับตัวการต้องร่วมกันรับผิดกับตัวแทนตามนัยมาตรา 1042 และ 427 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองเข้าหุ้นส่วนเป็นเจ้าของรถยนต์รับจ้างเลขทะเบียน ส.น. ๐๑๒๙ รับขนส่งคนโดยสารและสินค้า เดินประจำระหว่างบ้านม่อแสนพัน – ท่าแร และสกลนคร จำเลยที่ ๑ เป็นผู้ขับขี่ จำเลยที่ ๒ เป็นผู้ควบคุมรถและเก็บเงินค่าโดยสาร เป็นตัวการตัวแทนซึ่งกันและกัน จำเลยที่ ๑ ขับขี่รถยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้รถคว่ำ รถทับเด็กหญิงวัชรีบุตรโจทก์ถึงแก่ความตาย และโจทก์ได้รับบาดเจ็บ จึงฟ้องขอบังคับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนรวมเป็นเงิน ๓๐,๐๐๐ บาทพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยที่ ๑ ให้การว่า กิจการเดินรถเป็นของจำเลยที่ ๑ แต่ผู้เดียว จำเลยที่ ๑ มิได้ขับรถโดยประมาท ค่าเสียหายที่โจทก์ฟ้องสูงเกินไป
จำเลยที่ ๒ ให้การว่ามิได้เป็นเจ้าของรถคันเกิดเหตุร่วมกับจำเลยที่ ๑ และมิได้จัดการเดินรถเพื่อหาเงินร่วมกับจำเลยที่ ๑ ทั้งมิได้เป็นนายจ้างหรือหุ้นส่วนร่วมกับจำเลยที่ ๑
ศาลชั้นต้นเห็นว่าโจทก์สืบไม่ได้ว่าจำเลยที่ ๑ ขับรถโดยประมาท จำเลยทั้งสองไม่ต้องรับผิด พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยที่ ๑ ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้บุตรโจทก์ถึงแก่ความตาย และโจทก์ได้รับบาดเจ็บ จำเลยที่ ๒ เป็นหุ้นส่วนเดินรถกับจำเลยที่ ๑ ด้วย ต้องร่วมกันรับผิดต่อโจทก์ และเห็นควรให้จำเลยใช้ค่าสินไหมทดแทนสำหรับบุตรโจทก์ ๕,๐๐๐ บาท และสำหรับตัวโจทก์ ๕,๗๐๐ บาท พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้จำเลยทั้งสองใช้ค่าสินไหมทดแทนตามจำนวนเงินดังกล่าวแก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ย
โจทก์ฎีกาขอให้จำเลยใช้ค่าสินไหมทดแทนตามจำนวนที่ฟ้อง
จำเลยที่ ๒ ฎีกาว่าจำเลยที่ ๒ ไม่ได้เป็นหุ้นส่วนเดินรถกับจำเลยที่ ๑ หากเสียหายจริงก็ไม่เกินค่าเสียหายที่จำเลยที่ ๑ ให้การต่อสู้ไว้
ศาลฎีกาฟังว่า ข้อเท็จจริงน่าเชื่อตามคำพยานโจทก์ว่าจำเลยที่ ๒ เป็นหุ้นส่วนเดินรถกับจำเลยที่ ๑ และวินิจฉัยว่าจำเลยที่ ๑ กระทำละเมิดต่อโจทก์เนื่องในการดำเนินกิจการของหุ้นส่วนจำเลยที่ ๒ ต้องรับผิดกับจำเลยที่ ๑ ในผลแห่งละเมิดที่จำเลยที่ ๑ กระทำต่อโจทก์เช่นเดียวกับตัวการต้องร่วมรับผิดกับตัวแทนตามนัยมาตรา ๑๐๔๒ และ ๔๒๗ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ส่วนค่าเสียหายเห็นว่าศาลอุทธรณ์กำหนดมาชอบแล้ว พิพากษายืน