คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6025/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ไปจดทะเบียนการเช่าอาคารให้แก่จำเลยมีกำหนด20ปีนับแต่วันที่ทำสัญญาจองอาคารจำเลยอุทธรณ์แต่ทิ้งอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำหน่ายคดีสำหรับอุทธรณ์ของจำเลยออกจากสารบบความของศาลอุทธรณ์จำเลยฎีกาขอให้ศาลอุทธรณ์ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปศาลฎีกาพิพากษายืนการทิ้งอุทธรณ์ของจำเลยมีผลเสมือนหนึ่งว่าจำเลยมิได้ยื่นอุทธรณ์นั้นเลยคงมีแต่โจทก์ฝ่ายเดียวที่อุทธรณ์ข้ออ้างที่จำเลยฎีกาโต้แย้งคำพิพากษาศาลล่างทั้งสองจึงเป็นอันยุติไปแล้วตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่าระยะเวลาการเช่าจะเริ่มนับแต่วันทำสัญญาเช่าไม่ได้และคดีในส่วนที่โจทก์อุทธรณ์นั้นศาลอุทธรณ์พิพากษายืนที่จำเลยฎีกาว่าสัญญาเช่ามีกำหนด20ปีจะต้องเริ่มนับตั้งแต่วันทำสัญญาเช่าไม่ใช่วันทำสัญญาจองและคำวินิจฉัยของศาลล่างทั้งสองเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นจึงเป็นฎีกาในข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา249

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองส่งมอบอาคารห้องเลขที่103, 105 ถนนชุมพล ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมืองฉะเชิงเทราจังหวัดฉะเชิงเทรา สภาพเรียบร้อยแก่โจทก์ โดยขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกไปทันที และให้จำเลยทั้งสองชำระค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ 10,000 บาท ทุกเดือน นับแต่วันฟ้องไปจนกว่าจะส่งคืนอาคารให้แก่โจทก์
จำเลยทั้งสองให้การต่อสู้คดีและฟ้องแย้ง ขอให้บังคับโจทก์ปฏิบัติตามสัญญาจองอาคารโดยให้โจทก์ดำเนินการทำสัญญาเช่ากับเทศบาลเมืองฉะเชิงเทราให้เรียบร้อยเพื่อจะได้ทำสัญญาเช่ากับจำเลยทั้งสอง และสัญญาเช่าต้องมีอายุการเช่า 20 ปี นับแต่วันทำสัญญา และให้โจทก์ไปทำการจดทะเบียนการเช่า ณ ที่ว่าการอำเภอเมืองฉะเชิงเทรา โดยโจทก์เป็นผู้เสียค่าอากรแสตมป์และค่าธรรมเนียมเอง
โจทก์ยื่นคำให้การแก้ฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ไปจดทะเบียนการเช่าให้แก่จำเลยทั้งสองมีกำหดน 20 ปี นับแต่วันที่ 9 มีนาคม 2516 โดยให้โจทก์เป็นผู้เสียค่าอากรแสตมป์และค่าธรรมเนียมในการทำสัญญาเช่าและจดทะเบียน คำขออื่นให้ยก และยกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
จำเลยทั้งสองยื่นอุทธรณ์แต่ทิ้งอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำหน่ายคดีสำหรับอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองออกจากสารบบความของศาลอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยทั้งสองฎีกาว่า สัญญาเช่าอาคารพิพาทระหว่างโจทก์กับจำเลยทั้งสองมีกำหนด 20 ปี จะต้องนับแต่วันทำสัญญาเช่าไม่ใช่วันทำสัญญาจองอาคารตามที่ศาลล่างทั้งสองได้วินิจฉัยและคำวินิจฉัยของศาลล่างทั้งสองดังกล่าวเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น เห็นว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ไปจดทะเบียนการเช่าให้แก่จำเลยทั้งสองมีกำหนด 20 ปี นับแต่วันที่ 9 มีนาคม 2516 อันเป็นวันทำสัญญาจองอาคาร จำเลยทั้งสองอุทธรณ์แต่ทิ้งอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำหน่ายคดีสำหรับอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองออกจากสารบบความของศาลอุทธรณ์ จำเลยทั้งสองฎีกาขอให้ศาลอุทธรณ์ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป ศาลฎีกาพิพากษายืน ดังนี้ การทิ้งอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองมีผลเสมือนหนึ่งจำเลยทั้งสองมิได้ยื่นอุทธรณ์นั้นเลย คงมีแต่โจทก์ฝ่ายเดียวที่อุทธรณ์ข้ออ้างที่จำเลยทั้งสองฎีกาโต้แย้งคำพิพากษาศาลล่างทั้งสองจึงเป็นอันยุติไปแล้วตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่า ระยะเวลาการเช่าจะเริ่มนับแต่วันทำสัญญาเช่าไม่ได้และคดีในส่วนที่โจทก์อุทธรณ์นั้น ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ฎีกาของจำเลยทั้งสองคดีนี้จึงเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ถึงแม้ศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งรับฎีกาของจำเลยทั้งสองไว้ ศาลฎีกาก็ไม่รับวินิจฉัยให้
พิพากษายกฎีกาของจำเลยทั้งสอง คืนค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาทั้งหมดให้จำเลยทั้งสอง

Share