คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 600/2515

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องโจทก์ขอให้บวกโทษที่รอไว้เข้ากับโทษในคดีนี้เมื่อศาลพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยตลอดชีวิตแล้ว แม้ว่าในระหว่างพิจารณาของศาลฎีกาได้มีประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ออกใช้บังคับซึ่งข้อ 1 ของประกาศดังกล่าวได้ยกเลิกความในมาตรา 51 ของประมวลกฎหมายอาญาให้ใช้ความใหม่แทน ซึ่งข้อความที่บัญญัติใหม่มีผลให้เพิ่มโทษหรือบวกโทษแก่จำเลยได้ก็ตาม แต่บทบัญญัติที่ประกาศใช้ในภายหลังนี้หาเป็นคุณแก่จำเลยไม่ จึงไม่อาจนำมาใช้บังคับได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและเพิ่มเติมฟ้องว่า จำเลยได้ร่วมกันกระทำผิดกฎหมายหลายบทหลายกระทงต่างกรรมต่างวาระกัน คือ (ก) จำเลยที่ 1 เสพสุราในสาธารณสถานจนเมาครองสติไม่ได้ และประพฤติตนวุ่นวาย และต่างมีอาวุธปืนสั้นคนละกระบอกไปในหมู่บ้านและชุมชนโดยไม่มีเหตุอันสมควร (ข) จำเลยที่ 1 ได้บังอาจต่อสู้ขัดขวางสิบตำรวจเอกลุย อินทะกูลเจ้าพนักงานตามกฎหมายกับพวกที่จับกุมจำเลยอันเป็นการปฏิบัติตามหน้าที่ โดยจำเลยที่ 1 และที่ 2 ใช้ปืนยิงโดยเจตนาฆ่า ถูกสิบตำรวจเอกลุยถึงแก่ความตาย (ค) จำเลยที่ 2 ใช้ปืนยิงพลตำรวจสุนทร สุขประเสริฐ ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานร่วมปฏิบัติหน้าที่อีกหลายนัดโดยเจตนาฆ่า แต่การกระทำไม่บรรลุผล กระสุนปืนถูกอวัยวะส่วนที่ไม่สำคัญ พลตำรวจสุนทรจึงไม่ตาย จำเลยที่ 1 เคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลจังหวัดพิจิตรฐานทำให้เสียทรัพย์และดูหมิ่นผู้อื่นซึ่งหน้าศาลจำคุก 3 เดือน ปรับ 200 บาท โทษจำคุกรอการลงโทษไว้มีกำหนด 3 ปีจำเลยที่ 1 มาทำผิดคดีนี้ภายใน 3 ปี ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 138, 140, 288, 289, 371, 378, 80, 83, 58 กับขอให้บวกโทษที่รอเข้ากับโทษของจำเลยที่ 1 ริบปืน หัวกระสุนปืน ปลอกกระสุนปืนแมกกาซีน ปืนของกลางที่จำเลยใช้กระทำผิด

จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 1 กระทำผิดตามฟ้อง ส่วนจำเลยที่ 2 พยานหลักฐานโจทก์ไม่พอฟังลงโทษ พิพากษาว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371, 140 และมาตรา 289(2)ให้ลงโทษตามมาตรา 289(2) อันเป็นบทหนักตามมาตรา 90 ประหารชีวิตจำเลยที่ 1 ยกคำขอที่ขอให้บวกโทษ ของกลางริบ และให้ยกฟ้องจำเลยที่ 2

จำเลยที่ 1 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดเพียงพกพาอาวุธไปในเมืองโดยไม่มีเหตุอันควรเท่านั้น พิพากษาแก้ เป็นว่า จำเลยที่ 1มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 ให้ปรับ 100 บาท ที่โจทก์ขอให้บวกโทษที่รอไว้ ให้ยกเสีย เพราะความผิดของจำเลยในคดีนี้เป็นความผิดลหุโทษ ข้อหาอื่นให้ยกฟ้อง นอกจากที่แก้ให้คงเป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยเชื่อว่าจำเลยที่ 1 กระทำผิดตามฟ้องที่ศาลอุทธรณ์ยกฟ้องในข้อหาอื่น แต่ให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ตามมาตรา 371 แห่งประมวลกฎหมายอาญา นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น

จึงพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 140 และ 289(2) ซึ่งเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทด้วย แต่ให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ตามมาตรา 289(2) อันเป็นกระทงและบทหนักที่สุดตามมาตรา 90, 91 ให้ประหารชีวิตจำเลยที่ 1แต่คำเบิกความของจำเลยที่ 1 ในชั้นพิจารณาเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามาก เป็นเหตุบรรเทาโทษตามมาตรา 78 ลดโทษให้จำเลยที่ 1 หนึ่งในสามคงจำคุกจำเลยที่ 1 ตลอดชีวิต คำขอของโจทก์ที่ให้บวกโทษที่รอไว้เข้ากับคดีนี้ ให้ยกเสีย เพราะจำเลยที่ 1 ต้องโทษจำคุกตลอดชีวิตแล้วและถึงแม้ว่าในระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา ได้มีประกาศของคณะปฎิวัติฉบับที่ 11 ออกมาบังคับใช้ และข้อ 1 ของประกาศดังกล่าวได้ยกเลิกความในมาตรา 51 ของประมวลกฎหมายอาญา ให้ใช้ความใหม่แทน ซึ่งข้อความที่บัญญัติใหม่นี้มีผลให้เพิ่มโทษหรือบวกโทษแก่จำเลยได้ก็ตามแต่บทบัญญัติที่ประกาศใช้ในภายหลังนี้หาเป็นคุณแก่จำเลยไม่ จึงไม่อาจนำมาใช้บังคับได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 นอกจากที่แก้นี้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ของกลางริบ

Share