แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยจ้างโจทก์ทำการก่อสร้างอาคารและจ่ายเงินให้โจทก์นำไปใช้ในการก่อสร้าง โดยให้โจทก์ออกเช็คไว้ให้เป็นประกันการก่อสร้างโดยเป็นที่เข้าใจกันว่าจะบังคับใช้ให้มีการจ่ายเงินตามเช็คได้ต่อเมื่อได้คิดบัญชีหักทอนกันก่อน แต่ต่อมาโจทก์จำเลยผิดใจกัน จำเลยนำเช็คเข้าบัญชีธนาคาร ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน จำเลยก็ไปแจ้งความตำรวจหาว่าโจทก์ทำผิดอาญา โดยกู้ยืมเงินไปแล้วออกเช็คไว้ให้ไม่มีเงินพอจ่าย ทั้งนี้โดยไม่ได้คิดบัญชีกันเลยดังนี้ จำเลยมีความผิดฐานแจ้งความเท็จ ส่วนโจทก์ไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ.2497(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 14/2504)
ย่อยาว
คดีทั้ง 15 สำนวนนี้ ศาลอาญารวมพิจารณาพิพากษาโดยเดิมนายเกษมเป็นโจทก์ฟ้องนายทองดีเป็นจำเลยหาว่านายทองดีนำความที่รู้ว่าเป็นเท็จไปแจ้งต่อเจ้าพนักงานตำรวจว่า นายเกษมยืมเงินนายทองดีไปหลายครั้งโดยออกเช็คไว้ให้เป็นการชำระหนี้เงินยืมรวม 7 ฉบับธนาคารคืนเช็คเพราะนายเกษมไม่มีเงินในธนาคาร ซึ่งความจริงเช็ค 7 ฉบับนี้เกิดจากนายทองดีจ้างเหมานายเกษมทำการก่อสร้างที่พักตากอากาศของนายทองดี ๆ จ่ายเงินค่าก่อสร้างให้โดยให้นายเกษมออกเช็คไว้เป็นประกันการก่อสร้าง ขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 118 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137, 172, 173, 175, 267
ต่อมานายทองดี เป็นโจทก์ฟ้องนายเกษม 7 สำนวน หาว่าออกเช็คสำนวนละ 1 ฉบับโดยมีเงินไม่พอจ่าย ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 และนับโทษต่อ
ต่อมาพนักงานอัยการได้ฟ้องนายเกษมเป็นจำเลย 7 สำนวน มีข้อหาและคำขอลงโทษอย่างเดียวกับฟ้องของนายทองดีทั้ง 7 สำนวน
ศาลแขวงพระนครใต้ไต่สวนมูลฟ้องคดีที่นายเกษมและนายทองดีต่างเป็นโจทก์แล้วสั่งรับฟ้องและให้นายทองดีนำคดีไปฟ้องศาลอาญาและเห็นว่ากรณี 2 เรื่องนี้ ควรรวมพิจารณาที่ศาลอาญาโดยคู่ความต่างยินยอม จึงส่งสำนวนที่นายเกษมเป็นโจทก์มาศาลอาญา ศาลอาญาสั่งให้โอนคดีมารวมพิจารณากันได้
ศาลอาญาพิจารณาเสร็จแล้วฟังว่า นายทองดีจ้างเหมาบริษัทนวรัตน์จำกัด ซึ่งนายเกษมเป็นผู้จัดการทำการก่อสร้าง ไม่พอฟังว่านายทองดีจ้างนายเกษมเป็นส่วนตัว ฉะนั้น เช็คที่นายเกษมออกให้จึงไม่ใช่เช็คประกันการก่อสร้างนายเกษมจึงมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค รวม 7 กระทง ให้จำคุก 1 ปี (ลดแล้ว) และยกฟ้องของนายเกษม
นายเกษมอุทธรณ์ทุกสำนวน
อัยการอุทธรณ์ขอให้เรียงกระทง และลงโทษให้หนัก
นายทองดีอุทธรณ์ว่าไม่ควรลดโทษให้ 1 ใน 3
ศาลอุทธรณ์ฟังว่า เช็ค 7 ฉบับนี้ นายเกษมออกให้เพื่อประกันการทำงานก่อสร้างให้นายทองดีเป็นส่วนตัว นายทองดีหาได้จ้างบริษัทนวรัตน์จำกัดทำการก่อสร้างไม่ จึงลงโทษนายเกษมไม่ได้เพราะไม่มีเจตนาชำระหนี้ตามเช็คกันการแจ้งความของนายทองดีจึงเป็นความเท็จและมีความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 118 และมาตรา 158 ซึ่งเป็นบทหนัก แต่นายเกษมโจทก์มิได้ขอ อ้างมาตรา 158 คงอ้างแต่ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 173 ซึ่งมีโทษเบากว่าแม้จะอ้างบทผิด ศาลมีอำนาจลงโทษตามบทที่ถูกต้องได้ แต่ต้องไม่เกินคำขอพิพากษากลับให้จำคุกนายทองดี 1 ปีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 173ซึ่งเป็นบทหนัก ให้ยกฟ้องนายทองดีและอัยการ
นายทองดีและอัยการฎีกา
ศาลฎีกาคงฟังว่านายเกษมออกเช็คให้เพื่อประกันงานก่อสร้างให้นายทองดี โดยคู่กรณีเข้าใจกันดีว่าจะบังคับการจ่ายเงินตามเช็คได้ต่อเมื่อมีการคิดบัญชีกันแล้วระหว่างจำนวนเงินในเช็คกับค่าของงานที่ทำเสร็จ ฉะนั้น การที่นายทองดีไปจัดการบังคับให้มีการจ่ายเงินตามเช็คโดยไม่คิดบัญชีหักทอนกันก่อน จึงเป็นการว่ากล่าวเอากับเช็คโดยยังไม่มีอำนาจทำได้ การกระทำของนายเกษมจึงไม่มีความผิดตามฟ้องของนายทองดีและอัยการ
ส่วนฟ้องของนายเกษมนั้น เมื่อฟังข้อเท็จจริงดังกล่าวแล้วโดยมติที่ประชุมใหญ่เห็นว่า นายทองดีมีความผิดฐานแจ้งความเท็จตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 118 ส่วนประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 173 มิได้เป็นคุณแก่จำเลย จะลงโทษจำเลยตามมาตรา 173 ไม่ได้
จึงพิพากษาแก้ ให้ลงโทษนายทองดีจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 118 นอกนั้นยืน