แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องอ้างว่ากรรมสิทธิในที่ดินเป็นของโจทก์ ขอให้เปลี่ยนชื่อในโฉนดโดยถอนชื่อจำเลย ซึ่งโจทก์อ้างว่าเป็นตัวแทนออก ใส่ชื่อโจทก์แทน ดังนี้ ไม่ใช่เป็นการเรียกกรรมสิทธิคืน คำฟ้องจึงยังเรียกไม่ได้ว่าเป็นคำขอปลดเปลื้องทุกข์คำนวณเป็นราคาเงินได้.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลถอนชื่อจำเลยออกจากโฉนด และให้ลงชื่อโจทก์ ศาลชั้นต้นสั่งว่าเป็นการเถียงกรรมสิทธิให้โจทก์ตีราคาที่ดินมาภายใน ๓ วัน แล้วศาลจะได้สั่งต่อไป โจทก์อุทธรณ์ ศาลชั้นต้นสั่งว่าเป็นการอุทธรณ์ระหว่างพิจารณา ต้องห้ามตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา ๒๒๖ (๑) ไม่รับอุทธรณ์ ครบกำหนดโจทก์ไม่ตีราคาที่ดิน ศาลชั้นต้นจึงสั่งไม่รับคำฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่า การขอให้ฆ่าชื่อออกก็คือให้เพิกถอนกรรมสิทธิ เท่ากับเป็นการเรียกเอาที่ดินคืน พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา,
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ โจทก์อ้างกรรมสิทธิในที่ดินของโจทก์ ขอให้เปลี่ยนชื่อในโแนดโดยถอนชื่อจำเลย ซึ่งโจทก์ว่าเป็นตัวแทนออก ใส่ชื่อโจทก์แทน ไม่ใช่เรียกกรรมสิทธิตามคำฟ้อง จึงยังเรียกไม่ได้ว่าเป็นคำขอปลดเปลื้องทุกข์ คำนวณเป็นเงินได้ ที่ศาลล่างให้โจทก์ตีราคาที่ดินมาเพื่อเรียกค่าขึ้นศาลฐานฟ้องโดยมีการขอเรียกกรรมสิทธิที่ดิน จึงยังไม่ชอบ
พิพากษายกคำพิพากษาศาลล่าง ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการตาม ก.ม.ว่าด้วยวิธีพิจารณาความต่อไป.