แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
สินค้าตามหมวด 4(3) แห่งบัญชีที่ 2 ท้ายพระราชกฤษฎีกา ออก ตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นภาษีการค้า(ฉบับที่ 54) พ.ศ. 2517 ซึ่งแก้ไขแล้ว คือผลิตภัณฑ์ที่ใช้ทำ เครื่องเรือนที่มิได้ผลิตจากสินค้าตามหมวด 4(4)(5) หรือ (6) ของ บัญชี ที่ 1 เฉพาะที่ผลิตในราชอาณาจักรนั้น กฎหมายมิได้บัญญัติ จำกัด เฉพาะ เจาะจง ว่าต้องเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในการทำเครื่องเรือน โดยเฉพาะ ท่อ เหล็ก กลมและเหลี่ยมเอนกประสงค์ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ต่าง ๆ ยาว มาตรฐาน6 เมตร ที่โจทก์ผลิตจากเหล็กแผ่นชนิดบาง แม้ จะ ใช้ ทำของ อย่างอื่นได้ด้วยแต่ก็เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ทำ เครื่องเรือนได้ สินค้าที่โจทก์ผลิตจึงเข้าบทบัญญัติของกฎหมาย ดังกล่าว โจทก์จึงต้องเสียภาษีการค้า.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ประกอบการค้าโดยผลิตท่อเหล็กโดยใช้เหล็กแผ่นบางซึ่งต้องสั่งมาจากต่างประเทศมาม้วนเป็นท่อเหล็กกลมและเหลี่ยมเพื่อจำหน่ายซึ่งผู้ซื้อจะนำไปใช้ทำอะไรก็ได้ไม่จำต้องนำไปทำขาและโครงเก้าอี้ซึ่งเป็นเครื่องเรือนเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน2531 โจทก์ได้รับแบบหนังสือแจ้งภาษีการค้าจำนวน 2 ฉบับ ให้โจทก์เสียภาษีการค้าเพิ่มสำหรับรายรับจากการผลิตท่อเหล็ก เบี้ยปรับเงินเพิ่มและภาษีบำรุงเทศบาล สำหรับปี พ.ศ. 2526 โดยอ้างว่าตามที่โจทก์ไม่ต้องเสียภาษีการค้าแต่เดิมตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นภาษีการค้า (ฉบับที่ 54)พ.ศ. 2517 มาตรา 5(8) นั้น บัดนี้โจทก์ต้องเสียภาษีการค้าในอัตราร้อยละ 3 ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นภาษีการค้า (ฉบับที่ 133) พ.ศ. 2526 ใช้บังคับโดยในมาตรา 9 เพิ่มข้อความในบัญชีที่ 2 หมวด 4 คือ “วัสดุก่อสร้างและเครื่องเรือน ฯลฯ” ในบัญชีที่ 2 ซึ่งสินค้าของโจทก์จัดอยู่ในหมวด 4(3) และสำหรับปี พ.ศ. 2527 ในอัตราร้อยละ 5 ตามที่ได้แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการลดอัตราภาษีการค้า (ฉบับที่ 142) พ.ศ. 2526 มาตรา 3 โจทก์ไม่เห็นด้วยเพราะตามบทบัญญัติดังกล่าว สินค้าที่ต้องเสียภาษีการค้าจะต้องเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในการทำเครื่องเรือนโดยเฉพาะไม่สามารถนำไปใช้เป็นอย่างอื่นได้ โจทก์ได้อุทธรณ์การประเมินดังกล่าวและได้รับคำวินิจฉัยอุทธรณ์ให้ยกอุทธรณ์โดยเห็นว่าการประเมินชอบด้วยกฎหมายแล้ว แต่เห็นว่าโจทก์มิได้มีเจตนาหลีกเลี่ยงภาษีจึงลดเบี้ยปรับภาษีการค้าคงเรียกเก็บเพียงร้อยละ 50 ของเบี้ยปรับตามกฎหมาย ขอให้เพิกถอนแบบแจ้งการประเมินภาษีการค้าเบี้ยปรับเงินเพิ่มและภาษีบำรุงเทศบาล และเพิกถอนคำวินิจฉัยอุทธรณ์ส่วนที่ให้นำภาษีการค้า เงินเพิ่มและภาษีบำรุงเทศบาลไปชำระ
จำเลยให้การว่า โจทก์ซื้อเหล็กแผ่นชนิดบางจากผู้ขายในประเทศนำมาผลิตเป็นท่อเหล็กขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางต่าง ๆ กัน ยาวท่อนละ6 เมตร โดยสภาพไม่อาจใช้เป็นวัสดุก่อสร้าง โจทก์ขายท่อเหล็กให้แก่ผู้ซื้อในประเทศนำไปเป็นส่วนประกอบในการผลิตเครื่องเรือน เช่นขาโต๊ะ เก้าอี้ เตียง ฯลฯ จะใช้ทำผลิตภัณฑ์อย่างอื่นเป็นส่วนน้อยดังนั้น ท่อเหล็กดังกล่าวจึงเข้าลักษณะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในการทำเครื่องเรือนตามหมวด 4(3) บัญชีที่ 2 แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ(ฉบับที่ 54) พ.ศ. 2517 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาฯ(ฉบับที่ 133) พ.ศ. 2526 มาตรา 9 การประเมินของเจ้าพนักงานประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์จึงเป็นไปโดยถูกต้องตามกฎหมาย ขอให้ยกฟ้องโจทก์
ศาลภาษีอากรกลางพิจารณาแล้ว พิพากษาให้เพิกถอนการประเมินภาษีการค้าและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ตามฟ้อง
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า ปัญหาตามอุทธรณ์ของจำเลยคงมีเพียงว่า สินค้าตามหมวด 4(3) แห่งบัญชีที่ 2 ท้ายพระราชกฤษฎีกาฯ(ฉบับที่ 54) พ.ศ. 2517 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาฯ(ฉบับที่ 133) พ.ศ. 2526 มาตรา 9 กฎหมายจำกัดเฉพาะที่เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในการทำเครื่องเรือนโดยเฉพาะหรือไม่ เห็นว่าสินค้าตามหมวด 4(3) แห่งบัญชีที่ 2 ท้ายพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวกฎหมายมิได้บัญญัติจำกัดเฉพาะเจาะจงว่าต้องเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในการทำเครื่องเรือนโดยเฉพาะดังที่ศาลภาษีอากรกลางวินิจฉัย ดังนั้นแม้ว่าสินค้าพิพาทจะเป็นท่อเหล็กเอนกประสงค์ใช้ทำของใช้อย่างอื่น ๆได้ เช่น ท่อไอเสีย แผงกั้นจราจร ท่อน้ำยาแอร์รถยนต์ โครงหลังคารถสองแถว เป็นต้น แต่เมื่อโจทก์ยอมรับว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ทำเครื่องเรือนได้ และมิได้ผลิตจากสินค้าตามหมวด 4(4) (5) หรือ 6ของบัญชีที่ 1 อีกทั้งเป็นสินค้าที่ผลิตในราชอาณาจักรด้วย สินค้าท่อเหล็กกลมและเหลี่ยมที่โจทก์ผลิต จึงเป็นสินค้าตามหมวด 4(3)บัญชีที่ 2 ท้ายพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 54) ที่แก้ไขแล้ว การประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ชอบแล้ว
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์.