แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้น โจทก์ฝ่ายเดียวเป็นผู้แถลงขอส่งแผ่นป้ายที่สุ่มตัวอย่างไปตรวจพิสูจน์ และฝ่ายจำเลยก็มิได้รับคำท้าพิสูจน์ของโจทก์ แต่กลับปรากฏว่าจำเลยได้แถลงโต้แย้งไว้ชัดเจนว่า แผ่นป้ายของโจทก์ได้รับการตรวจพิสูจน์จากคณะกรรมการของจำเลยแล้วว่ามีคุณภาพไม่ตรงตามสัญญา จำเลยจะขอสืบพยาน กรณีจึงไม่ใช่เรื่องจำเลยยอมรับคำท้าของโจทก์ โจทก์ยังคงมีภาระการพิสูจน์ว่าแผ่นป้ายสินค้าของโจทก์มีคุณลักษณะเฉพาะตรงตามที่กำหนดไว้ในสัญญาซื้อขายหรือไม่ เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าแผ่นป้ายสินค้าของโจทก์ที่ส่งไปให้จำเลยไม่มีคุณลักษณะเฉพาะการงานที่กำหนดไว้ในสัญญาซื้อขายและตามข้อกำหนดอันเป็นสาระสำคัญในการทำสัญญาซื้อขาย โจทก์จึงเป็นฝ่ายผิดสัญญาซื้อขายจำเลยมีสิทธิเลิกสัญญาได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 386.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์กับจำเลยได้ทำสัญญาซื้อขายแผ่นป้ายอลูมิเนียมอัดวัสดุสะท้อนแสง (สีขาว) ขนาด 12.2 x 24.4 x 0.5เซนติเมตร จำนวน 266,666 แผ่น เป็นเงิน 6,399,984 บาท ต่อมาโจทก์ได้ส่งมอบแผ่นป้ายซึ่งมีคุณลักษณะถูกต้องตามสัญญาซื้อขายให้จำเลยแต่จำเลยไม่ยอมรับมอบ อ้างว่าสิ่งของของโจทก์มีคุณลักษณะไม่ถูกต้องตามสัญญาและสั่งให้โจทก์แก่ไข โจทก์ก็ได้ทำการแก้ไขตามความประสงค์ของจำเลยแล้วหลายครั้ง ครั้งสุดท้ายโจทก์ได้ส่งของไปให้จำเลยตามนัดแต่จำเลยกลับไม่ยอมรับมอบสิ่งของโดยอ้างว่าได้บอกเลิกสัญญาซื้อขายต่อโจทก์แล้ว ขอให้บังคับจำเลยรับมอบแผ่นป้ายอะลูมิเนียมอัดวัสดุสะท้อนแสงจำนวน 266,666 แผ่น และให้ชำระราคาเป็นเงิน 6,399,984 บาทพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า โจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาซื้อขายเพราะส่งมอบสิ่งของคือแผ่นป้ายทะเบียนรถจักรยานยนต์ที่มีคุณภาพต่ำกว่าที่กำหนดในสัญญาซื้อขาย คณะกรรมการการตรวจรับของจำเลยได้ทำการตรวจพิสูจน์และทดลองแผ่นป้ายที่โจทก์ส่งมอบก่อนทำการตรวจนับรวม 3 ครั้งผลปรากฏว่าแผ่นป้ายของโจทก์ไม่มีคุณลักษณะเฉพาะตามที่กำหนดไว้ในสัญญาซื้อขาย จำเลยได้ให้โอกาสโจทก์ทำการแก้ไขแล้ว แต่โจทก์ก็มิได้แก้ไขให้ถูกต้องตามสัญญา จำเลยจึงบอกเลิกสัญญาต่อโจทก์
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…ที่โจทก์ฎีกาว่า ในชั้นพิจารณาศาลชั้นต้นสั่งให้โจทก์สุ่งตัวอย่างแผ่นป้ายไปทำการทดสอบความคงทนต่อความร้อน 120 องศาเซลเซียส เมื่อผลการทดสอบปรากฏว่าแผ่นป้ายของโจทก์ไม่สามารถคงทนต่อความร้อนตามที่กำหนด โจทก์ยอมแพ้คดี หากสามารถผ่านการทดสอดความคงทนต่อความร้อนได้ย่อมถือว่ามีคุณสมบัติถูกต้องตามคุณลักษณะเฉพาะตามสัญญา ศาลอุทธรณ์จึงไม่ควรวินิจฉัยว่าการทดสอบดังกล่าวยังไม่ครบถ้วนนั้น เห็นว่า ตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นลงวันที่ 12 มีนาคม 2529 โจทก์ฝ่ายเดียวเป็นผู้แถลงขอส่งแผ่นป้ายที่สุ่งตัวอย่างไปตรวจพิสูจน์ที่คณะวิศวกรรมศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและที่สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทยเพื่อพิสูจน์ว่าสามารถทนความร้อยที่อุณภูมิ 120องศาเซลเซียสเป็นเวลา 2 นาทีหรือไม่ มิใช่กรณีศาลชั้นต้นสั่งให้ส่งแผ่นป้ายของโจทก์ไปตรวจพิสูจน์ และฝ่ายจำเลยก็มิได้รับคำท้าพิสูจน์ของโจทก์แต่กลับปรากฏว่าจำเลยได้แถลงโต้แย้งไว้ชัดเจนว่าแผ่นป้ายของโจทก์ได้รับการตรวจพิสูจน์จากคณะกรรมการของจำเลยแล้วว่ามีคุณภาพไม่ตรงตามสัญญา การที่โจทก์จะส่งแผ่นป้ายไปตรวจพิสูจน์อีกจึงไม่เกี่ยวกับจำเลย จำเลยจะขอสืบพยานหลักฐานตามที่คณะกรรมการของจำเลยตรงพิสูจน์แล้ว กรณีจึงไม่ใช่เรื่องจำเลยยอมรับคำท้าของโจทก์ ฉะนั้น โจทก์จึงยังคงมีภาระการพิสูจน์ว่าแแผ่นป้ายสินค้าของโจทก์มีคุณลักษณะเฉพาะตรงตามที่กำหนดไว้ในสัญญาซื้อขายตามที่ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นและหน้าที่นำสืบไว้แล้ว… ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าแผ่นป้ายสินค้าของโจทก์ที่ส่งไปให้จำเลยไม่มีคุณลักษณะเฉพาะตรงตามที่กำหนดไว้ในสัญญาซื้อขายเอกสารหมาย จ.14 ข้อ 1 และข้อ 2และตามที่กำหนดไว้ในเอกสารหมาย จ.12 ซึ่งถือได้ว่าเป็นข้อกำหนดอันเป็นสาระสำคัญในการทำสัญญาซื้อขาย กรณีจึงฟังได้ว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาซื้อขาย จำเลยมีสิทธิเลิกสัญญาได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 386 โจทก์จึงไม่มีสิทธิขอให้จำเลยรับแผ่นป้ายสินค้าตามฟ้องและเรียกให้จำเลยชำระราคาสินค้าดังกล่าว…”
พิพากษายืน.