คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 598/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 มาตรา 42 เจ้าพนักงานท้องถิ่นจะสั่งให้รื้อถอนอาคารได้เฉพาะกรณีการก่อสร้างไม่ได้รับอนุญาตและการก่อสร้างนั้นผิดกฎกระทรวงหรือข้อบัญญัติท้องถิ่น ทั้งต้องเป็นกรณีที่การก่อสร้างนั้นไม่อาจแก้ไขเปลี่ยนแปลงให้ถูกต้องตามกฎกระทรวงหรือข้อบัญญัติท้องถิ่นด้วย เมื่อฟ้องโจทก์ไม่ได้ระบุว่าการก่อสร้างอาคารของจำเลยผิดกฎกระทรวงหรือข้อบัญญัติท้องถิ่น คงปรากฏเพียงว่าจำเลยก่อสร้างอาคารใหญ่โตเกินไป ซึ่งเจ้าของที่ดินถือว่าเป็นการผิดข้อตกลง และยื่นคำร้องขอให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นระงับการออกใบอนุญาตจึงหาใช่เป็นเรื่องที่จำเลยก่อสร้างอาคารผิดกฎกระทรวงหรือข้อบัญญัติท้องถิ่นไม่ทั้งไม่ปรากฏว่าอาคารที่จำเลยก่อสร้างขึ้นมีสภาพไม่มั่นคงแข็งแรงหรือผิดสุขลักษณะอนามัยหรือไม่ปลอดภัยแก่ประชาชน โจทก์จึงไม่อาจสั่งให้จำเลยรื้อถอนอาคารโดยอาศัยบทบัญญัติดังกล่าวได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยปลูกสร้างอาคารในที่ดินของนางสนิท ตุลยารักษ์ โดยมิได้รับอนุญาตจากนางสนิท เจ้าของที่ดิน และมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานตามกฎหมาย เจ้าพนักงานท้องถิ่นมีหนังสือให้จำเลยระงับการก่อสร้างแล้ว แต่จำเลยคงก่อสร้างจนแล้วเสร็จ เจ้าพนักงานแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน จำเลยถูกฟ้องเป็นคดีอาญาและศาลพิพากษาลงโทษจำเลย คดีถึงที่สุดแล้ว ต่อมาเจ้าพนักงานแจ้งให้จำเลยรื้อถอนภายใน ๓๐ วัน จำเลยไม่รื้อถอน ขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนอาคาร หากไม่ยอมรื้อถอน ให้โจทก์รื้อถอนเองโดยจำเลยเป็นผู้เสียค่าใช้จ่าย
จำเลยให้การว่า สภาพของอาคารที่จำเลยก่อสร้างมั่นคงแข็งแรง ไม่เป็นภยันตรายต่อสุขภาพ ชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินหรือรบกวนสิทธิของผู้อื่น ก่อนก่อสร้างอาคารจำเลยได้รับความยินยอมเป็นหนังสือจากนางสนิทแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนอาคารพิพาท ถ้าจำเลยไม่ยอมรื้อถอน ให้โจทก์เป็นผู้รื้อถอนโดยจำเลยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องให้จำเลยรื้อถอนอาคารที่จำเลยก่อสร้างด้วยเหตุว่าจำเลยก่อสร้างโดยมิได้รับอนุญาต อำนาจการสั่งรื้อถอนของโจทก์ต้องเป็นไปตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งตามมาตรา ๔๒ แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว เจ้าพนักงานท้องถิ่นจะสั่งให้รื้อถอนอาคารทั้งหมดหรือบางส่วนได้เฉพาะกรณีที่ก่อสร้างโดยไม่ได้รับอนุญาต และการก่อสร้างนั้นผิดกฎกระทรวงหรือข้อบัญญัติท้องถิ่น ทั้งต้องเป็นกรณีที่การก่อสร้างนั้นไม่อาจแก้ไขเปลี่ยนแปลงให้ถูกต้องตามกฎกระทรวงหรือข้อบัญญัติท้องถิ่นด้วย เกี่ยวกับคดีนี้ฟ้องโจทก์ไม่ได้ระบุว่าการก่อสร้างอาคารของจำเลยนั้นผิดกฎกระทรวงหรือข้อบัญญัติท้องถิ่นอย่างไร กลับปรากฏว่าจำเลยได้รับอนุญาตจากนางสนิทเจ้าของที่ดินให้ก่อสร้างได้ แต่เนื่องจากจำเลยได้ก่อสร้างอาคารใหญ่โตเกินไป ซึ่งนางสนิทถือว่าเป็นการผิดเงื่อนไขที่ตกลงกัน จึงได้ยื่นคำร้องขอให้หัวหน้าเขตพระโขนงในฐานะเจ้าพนักงานท้องถิ่นระงับการออกใบอนุญาตไว้ หาใช่เป็นเรื่องที่จำเลยก่อสร้างอาคารผิดกฎกระทรวงหรือข้อบัญญัติท้องถิ่นแต่อย่างใดไม่ ทั้งไม่ปรากฏว่าอาคารที่จำเลยก่อสร้างขึ้นมีสภาพไม่มั่นคงแข็งแรงหรือผิดสุขลักษณะอนามัยหรือไม่ปลอดภัยแก่ประชาชนแต่ประการใด ดังนั้น โจทก์จึงไม่อาจสั่งให้จำเลยรื้อถอนอาคารโดยอาศัยบทบัญญัติดังกล่าวได้ ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ ศาลฎีกาเห็นชอบด้วยในผล
พิพากษายืน จำเลยไม่แก้ฎีกา จึงไม่กำหนดค่าทนายความชั้นฎีกาให้

Share