แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ข้อตกลงระหว่างกระทรวงกลาโหมกับกระทรวงมหาดไทยเรื่อง การปฏิบัติและประสานงานเกี่ยวกับกรณีที่ทหารเป็นผู้เสียหาย หรือเป็นผู้ต้องหาในความผิดอาญา พ.ศ. 2498ข้อ 26 ทวิ มิใช่กฎหมาย แม้มีการปฏิบัติผิดข้อตกลงดังกล่าวก็ไม่ทำให้การสอบสวนเสียไป
ย่อยาว
โจทก์ฟ้อง ขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2533 (ที่ถูก 2522) มาตรา 4, 7, 26, 76, 102พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 91 และริบของกลาง
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณาจำเลยที่ 2 ถึงแก่ความตาย ศาลชั้นต้นจำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 2 ออกจากสารบบความ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 26 วรรคสอง,76 วรรคสอง, 102 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 จำคุก 6 ปี จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา นับเป็นเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 1มีกำหนด 4 ปี ริบของกลาง คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
โจทก์และจำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยที่ 1 ฎีกาว่าจำเลยที่ 1เป็นทหารพนักงานสอบสวนมิได้แจ้งต้นสังกัดของจำเลยที่ 1 เพื่อจัดการให้มีนายทหารพระธรรมนูญร่วมฟังการสอบสวนในโอกาสแรก เป็นการปฏิบัติผิดข้อตกลงระหว่างกระทรวงกลาโหมกับกระทรวงมหาดไทยเรื่อง การปฏิบัติและประสานงานเกี่ยวกับกรณีที่ทหารเป็นผู้เสียหายหรือเป็นผู้ต้องหาในความผิดอาญา พ.ศ. 2498 ข้อ 26 ทวิ การสอบสวนคดีนี้จึงไม่ชอบนั้น เห็นว่าข้อตกลงดังกล่าวมิใช่กฎหมายแม้มีการปฏิบัติผิดข้อตกลงดังกล่าวก็ไม่ทำให้การสอบสวนเสียไป
ส่วนในเรื่องของกลางนั้น การที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้ริบของกลางด้วยนั้นยังไม่ถูกต้อง เนื่องจากของกลางดังกล่าวศาลชั้นต้นสั่งริบไปแล้วตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นคดีหมายเลขแดงที่ 2221/2533 จึงริบซ้ำอีกไม่ได้
พิพากษายืน แต่ไม่ริบของกลาง