คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5974/2539

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบุกรุกเข้าไปในที่ดินของโจทก์ด้านที่ติดกับที่ดินของจำเลย ขอให้ขับไล่ จำเลยให้การปฏิเสธว่า มิได้บุกรุก คดีจึงมีประเด็นว่าจำเลยบุกรุกหรือไม่การที่จำเลยฟ้องแย้งว่า หากจำเลยได้ครอบครองที่ดินของจำเลยต่อเนื่องเข้าไปในที่ดินของโจทก์ตามฟ้องก็เป็นการครอบครองโดยสงบ เปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของมากว่า 10 ปี จึงได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินของโจทก์นั้น เป็นฟ้องแย้งที่มีเงื่อนไขไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิมพอที่จะรวมการพิจารณาและชี้ขาดตัดสินเข้าด้วยกันได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบุกรุกเข้าไปในที่ดินโฉนดเลขที่ 10632เลขที่ดิน 498 ของโจทก์เนื้อที่ 7 ตารางวา ขอให้ขับไล่จำเลยและบริวารพร้อมทั้งรื้อรั้วปูนด้านหน้าและรั้วสังกะสีด้านข้างออกไปจากที่ดินโจทก์ กับให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ 5,000 บาทนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะรื้อรั้วดังกล่าวเสร็จสิ้น
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า จำเลยได้เข้าครอบครองปลูกบ้านอาศัยอยู่ในที่ดินของจำเลยโฉนดเลขที่ 10633 เลขที่ดิน 499และโฉนดเลขที่ 25092 เลขที่ดิน 2655 เป็นเวลากว่า 10 ปี แล้วจำเลยไม่ได้บุกรุกหรือรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์ หากจำเลยได้ครอบครองที่ดินของจำเลยต่อเนื่องเข้าไปในที่ดินของโจทก์ตามฟ้อง จำเลยก็ได้ครอบครองที่ดินของโจทก์ติดต่อกันมาเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้วเป็นการครอบครองโดยสงบ เปิดเผยและด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ จำเลยจึงได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินของโจทก์แล้ว ขอให้ยกฟ้อง และพิพากษาว่าที่ดิน 7 ตารางวาเป็นของจำเลย ให้โจทก์ไปแบ่งแยกโฉนดที่ดินเลขที่ 10632 ให้จำเลยหากโจทก์ไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของโจทก์
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า รับคำให้การของจำเลย สำเนาให้โจทก์ส่วนฟ้องแย้งนั้นเป็นฟ้องแย้งที่มีเงื่อนไข จึงไม่รับฟ้องแย้ง
จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง ขอให้รับฟ้องแย้งไว้พิจารณา
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “เห็นว่า โจทก์ฟ้องอ้างว่าจำเลยบุกรุกเข้าไปทำรั้วปูนด้านหน้าและรั้วสังกะสีด้านข้างที่ดินของโจทก์โฉนดเลขที่ 10632 ด้านที่ติดกับโฉนดทั้งสองของจำเลยเป็นเนื้อที่ที่จำเลยบุกรุกรวม 7 ตารางวา ขอให้ขับไล่จำเลยให้การปฏิเสธว่า มิได้บุกรุกหรือรุกล้ำดังโจทก์กล่าวหาขอให้ยกฟ้อง คดีจึงมีประเด็นในเบื้องต้นว่า จำเลยบุกรุกดังฟ้องโจทก์หรือไม่ หากฟังไม่ได้ว่าจำเลยบุกรุก ศาลก็ต้องพิพากษายกฟ้องโจทก์ไปโดยไม่ต้องพิจารณาตามฟ้องแย้งของจำเลย การที่จำเลยฟ้องแย้งว่า เมื่อที่ดินของจำเลยอยู่ติดกับที่ดินของโจทก์หากจำเลยได้ครอบครองที่ดินของจำเลยต่อเนื่องเข้าไปในที่ดินของโจทก์ตามฟ้อง จำเลยก็ได้ครอบครองที่ดินของโจทก์ติดต่อกันมาเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว เป็นการครอบครองโดยสงบเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ จึงได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินของโจทก์นั้นเป็นฟ้องแย้งที่มีเงื่อนไข ไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิมพอที่จะรวมการพิจารณาและชี้ขาดตัดสินเข้าด้วยกันได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสามและ มาตรา 179 วรรคสุดท้าย ส่วนคำพิพากษาศาลฎีกาที่จำเลยอ้างนั้นรูปเรื่องไม่ตรงกับข้อเท็จจริงคดีนี้ ที่ศาลล่างทั้งสองไม่รับฟ้องแย้งนั้นชอบแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share