คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2102/2532

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องเรียกให้จำเลยชำระราคาค่ากระแสไฟฟ้า โดยอ้างว่าจำเลยเบียดบังให้เครื่องวัดหน่วยกระแสไฟฟ้าลดน้อยลงกับเรียกค่าปรับตามสัญญาที่จำเลยได้ผิดเงื่อนไขการใช้ไฟฟ้าตามที่ตกลงไว้กับโจทก์ ไม่ใช่เป็นการฟ้องจำเลยว่าละเมิดต่อโจทก์ และไม่มีกฎหมายบัญญัติเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้โดยเฉพาะ จึงต้องใช้อายุความทั่วไปบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 ซึ่งมีอายุความ 10 ปี

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อประมาณต้นปี พ.ศ. 2513 ติดต่อกันมาจนถึงปลายเดือนมกราคม 2520 จำเลยเป็นเจ้าของผู้ครอบครองโรงงานทอผ้า และเป็นผู้ใช้กระแสไฟฟ้าอันเป็นพลังงานไฟฟ้าของโจทก์โดยในตอนแรกใช้ชื่อผู้ใช้กระแสไฟฟ้าว่าบริษัทสยามรุ่งเรืองการทอ จำกัด โจทก์ได้ติดตั้งเครื่องวัดหน่วยไฟฟ้าที่จำเลยได้ใช้ไปตั้งแต่เดือนกันยายน พ.ศ. 2513 จนถึงวันฟ้องจำเลยได้ชำระค่ากระแสไฟฟ้าที่จำเลยได้ใช้ไปให้แก่โจทก์โดยถูกต้องตลอดมา จนต่อมาเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2520 เจ้าหน้าที่ของโจทก์ตรวจพบว่า มีการกระทำการที่ตัวเลขอ่านแสดงจำนวนหน่วยการใช้กระแสไฟฟ้าให้น้อยกว่าจำนวนที่แท้จริงและจำเลยจ่ายค่ากระแสไฟฟ้าน้อยกว่าค่ากระแสไฟฟ้าที่จำเลยได้ใช้กระแสไฟฟ้าหรือพลังงานไฟฟ้าตามที่ใช้ไปจริง จากการคำนวณแล้วปรากฏว่า การใช้กระแสไฟฟ้าของจำเลยแสดงหน่วยที่ใช้และจำนวนเงินที่จำเลยจะต้องชำระค่ากระแสไฟฟ้าโดยถูกต้องในระยะตั้งแต่เดือนมีนาคม พ.ศ. 2518 ถึงเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2519รวมเป็นเงินที่จำเลยต้องชำระโดยถูกต้องเป็นเงิน 13,005,869.28 บาทแต่จำเลยได้ชำระไปแล้ว 6,947,710.32 บาท จึงเหลือเงินที่จำเลยจะต้องชำระให้โจทก์เพิ่มอีก 6,058,158.96 บาท เมื่อมีการกระทำที่เครื่องวัดกระแสไฟฟ้าดังกล่าว ซึ่งกระทำให้เครื่องวัดกระแสไฟฟ้าของโจทก์ต้องเสียหาย จำเลยต้องถูกปรับตามอัตราค่าธรรมเนียมการใช้ไฟฟ้าของโจทก์ โจทก์ได้กำหนดใช้ดุลพินิจปรับจำเลยเป็นเงิน 2,000 บาทโจทก์ได้แจ้งให้จำเลยนำเงินดังกล่าวทั้งหมดไปชำระ จำเลยก็เพิกเฉยขอให้บังคับจำเลยชำระค่ากระแสไฟฟ้าย้อนหลังและค่าปรับ รวมเป็นเงิน6,060,158.96 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ จำเลยให้การว่า คดีของโจทก์ขาดอายุความ เนื่องจากโจทก์ได้รู้หรือควรจะรู้ว่าได้มีการกระทำละเมิด ตั้งแต่เดือนมีนาคม พ.ศ. 2519 แต่โจทก์ไม่ได้นำคดีมาฟ้องภายในกำหนดอายุความ จำเลยมิได้กระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดแก่เครื่องวัดการใช้กระแสไฟฟ้า ขอให้ยกฟ้อง ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 6,060,158.96 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ จำเลยอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้เบื้องต้นตามที่คู่ความนำสืบรับกันว่า จำเลยเป็นโรงงานทอผ้าที่ต้องใช้กระแสไฟฟ้าในการผลิตและติดต่อใช้กระแสไฟฟ้าจากโจทก์เพื่อการผลิตดังกล่าวโดยโจทก์นำเครื่องวัดหน่วยกระแสไฟฟ้าไปติดตั้งให้จำเลยที่เสาไฟฟ้าสาธารณะหน้ากำแพงของรั้วโรงงานจำเลย เครื่องวัดดังกล่าวมีฝาครอบปิดผนึกด้วยแพดล็อกซีลเป็นสายยูคล้อง คือ เป็นลวดคล้องตะกั่วและตีตราตะกั่วไว้ด้วย
ประเด็นที่จะวินิจฉัยว่า คดีของโจทก์ขาดอายุความหรือไม่เห็นว่าโจทก์ฟ้องคดีนี้เรียกให้จำเลยชำระราคาค่ากระแสไฟฟ้า โดยอ้างว่าจำเลยเบียดบังให้เครื่องวัดกระแสไฟฟ้าลดน้อยลงกับเรียกค่าปรับตามสัญญาที่จำเลยได้ผิดเงื่อนไขการใช้ไฟฟ้าตามที่ตกลงไว้กับโจทก์ หาใช่ว่าเป็นการฟ้องจำเลยว่าละเมิดต่อโจทก์ไม่และไม่มีกฎหมายบัญญัติเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้โดยเฉพาะ จึงต้องใช้อายุความทั่วไปบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164ซึ่งมีอายุความ 10 ปี ฟ้องของโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ”
พิพากษายืน

Share