แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องขอฟ้องคดีอย่างคนอนาถาและให้โจทก์นำค่าขึ้นศาลมาชำระภายในเวลาที่กำหนดดังนี้ศาลชั้นต้นย่อมมีอำนาจและดุลพินิจที่จะสั่งคำร้องขอขยายเวลาการวางเงินค่าขึ้นศาลของโจทก์ตามที่เห็นสมควรและกรณีเป็นเพียงเรื่องอนุญาตให้ขยายเวลาการวางเงินหรือไม่เท่านั้น หาได้เป็นการสั่งเกี่ยวกับการรับหรือไม่รับคำฟ้องของโจทก์ไม่ จึงเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาซึ่งต้องห้ามอุทธรณ์
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้พิพากษาว่าที่ดิน 61 ไร่ ในพื้นที่สีแดงตามแผนที่สังเขปท้ายฟ้องเป็นของโจทก์ห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้องอีกต่อไป กับให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหาย 875,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยแก่โจทก์ และโจทก์ยื่นคำร้องขอฟ้องคดีอย่างคนอนาถาพร้อมกับคำฟ้อง
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วเห็นว่า โจทก์ไม่ใช่คนยากจนจนไม่อาจเสียค่าธรรมเนียมศาลได้ ให้ยกคำร้อง หากโจทก์ประสงค์จะดำเนินคดีต่อไป ให้นำเงินค่าขึ้นศาลมาชำระภายใน 15 วัน
โจทก์ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 มีคำสั่งให้ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งหากโจทก์ประสงค์จะดำเนินคดีต่อไปก็ให้นำค่าธรรมเนียมมาชำระต่อศาลชั้นต้นภายในกำหนด 15 วัน นับแต่วันทราบคำสั่ง
ก่อนครบกำหนด 15 วัน โจทก์ยื่นคำร้องขอขยายเวลาชำระค่าขึ้นศาลออกไปอีก 30 วัน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ขยายเวลาออกไป 10 วัน
ก่อนครบกำหนด 10 วัน โจทก์ยื่นคำร้องขอขยายเวลาชำระค่าขึ้นศาลออกไปอีก 10 วัน ศาลชั้นต้นสั่งว่า ไม่มีเหตุให้ขยายเวลาอีก ยกคำร้อง ค่าคำร้องให้เป็นพับ
โจทก์ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวของศาลชั้นต้นศาลชั้นต้นสั่งว่า คำสั่งไม่อนุญาตให้ขยายเวลาวางเงินค่าขึ้นศาลเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา ห้ามมิให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226 จึงไม่รับคืนค่าขึ้นศาลและต่อมาศาลชั้นต้นมีคำสั่งจำหน่ายคดีโจทก์เพราะโจทก์มิได้ชำระค่าขึ้นศาลตามที่กำหนด
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “เห็นว่า คำร้องขอขยายเวลาการวางเงินของโจทก์ที่ยื่นต่อศาลชั้นต้นเป็นการขอขยายเวลาครั้งที่ 2เป็นอำนาจและดุลพินิจของศาลชั้นต้นที่จะสั่งตามที่เห็นสมควรและคำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวเป็นเพียงเรื่องอนุญาตให้ขยายเวลาการวางเงินหรือไม่เท่านั้น หาได้เป็นการสั่งเกี่ยวกับการรับหรือไม่รับคำฟ้องของโจทก์ไม่ คำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาซึ่งต้องห้ามอุทธรณ์ที่ศาลชั้นต้นไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์ที่โต้แย้งคำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวนี้จึงเป็นอำนาจของศาลชั้นต้นซึ่งสั่งถูกต้องแล้ว ดังนี้เมื่อโจทก์มิได้ชำระค่าขึ้นศาลในเวลาที่กำหนดศาลชั้นต้นมีคำสั่งจำหน่ายคดีของโจทก์จึงถูกต้องแล้วเช่นกัน ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้นทุกข้อ”
พิพากษายืน