คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5965/2539

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ฝ่ายจำเลยเคยขอไถ่ถอนการขายฝากก่อนครบกำหนด แต่โจทก์ ไม่ยอมให้ไถ่เป็นกรณีโจทก์ผิดสัญญา ไม่อาจถือได้ว่าจำเลย บอกกล่าวเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือโดยจะเอาที่ดินพิพาท เป็นของจำเลยเองแต่อย่างใด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 3781โดยรับซื้อฝากจากนางทองปาน นิ่มแก้ว แล้วขาดการไถ่ถอนแต่นางทองปานกับจำเลยซึ่งเป็นลูกเขยนางทองปานและบริวารยังคงขออาศัยอยู่ในที่ดินดังกล่าวเมื่อ 2 ปีมานี้ นางทองปานถึงแก่กรรม จำเลยและบริวารยังคงขออาศัยอยู่ต่อมาโดยมีบ้านเลขที่ 114ซึ่งเป็นที่พักอาศัยของจำเลยปลูกอยู่ในที่ดินดังกล่าว ต่อมาเมื่อ 2 เดือนก่อนฟ้อง โจทก์ได้บอกกล่าวให้จำเลยรื้อถอนบ้านออกไปแต่จำเลยเพิกเฉย เป็นเหตุให้โจทก์เสียหายขอให้บังคับจำเลยและบริวารรื้อถอนบ้านเลขที่ 114 ออกไปจากที่ดินของโจทก์ให้จำเลยใช้ค่าขาดประโยชน์แก่โจทก์เดือนละ 5,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยจะรื้อบ้านออกไปจากที่ดินของโจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยเข้ายึดถือครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทโดยสงบเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันมาเป็นเวลา 15 ปีแล้ว จำเลยจึงได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยและบริวารรื้อถอนบ้านเลขที่ 114ตำบลในเมือง อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ จังหวัดเพชรบูรณ์ออกไปจากที่ดินพิพาท และห้ามเข้ายุ่งเกี่ยวอีกต่อไป หากไม่ปฏิบัติตามให้โจทก์ดำเนินการรื้อถอนเองโดยให้จำเลยเสียค่าใช้จ่ายให้จำเลยใช้ค่าขาดประโยชน์เดือนละ 2,000 บาท นับแต่วันฟ้อง(วันที่ 15 มีนาคม 2536) จนกว่าจำเลยจะรื้อถอนเสร็จสิ้น
จำเลยอุทธรณ์ โดยได้รับอนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถาบางส่วน
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำขอในส่วนที่ให้โจทก์ดำเนินการรื้อถอนบ้านเองโดยให้จำเลยเสียค่าใช้จ่ายนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ก่อนยื่นฎีกาจำเลยถึงแก่กรรม นายประเสริฐ คำพุฒบุตรจำเลยยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทน ศาลชั้นต้นอนุญาต
จำเลยฎีกา โดยได้รับอนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถาบางส่วน
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว มีปัญหาตามฎีกาของจำเลยว่าจำเลยครอบครองปรปักษ์ที่ดินพิพาทจนได้กรรมสิทธิ์แล้วหรือไม่ได้ความว่าที่ดินพิพาทนางทองปานแม่ยายจำเลยนำไปขายฝากไว้แก่โจทก์แล้วขาดการไถ่ถอน แต่นางทองปานกับครอบครัวรวมทั้งจำเลยยังคงอยู่อาศัยในบ้านเลขที่ 114 ซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินพิพาทมาแต่ดั้งเดิม หลังจากนางทองปานถึงแก่กรรมจำเลยยังคงอยู่อาศัยในบ้านนั้นต่อมาจนกระทั่งโจทก์ต้องฟ้องขับไล่ มีเหตุซึ่งจำเลยยกขึ้นฎีกาว่า ฝ่ายจำเลยเคยขอไถ่ถอนก่อนครบกำหนด แต่โจทก์ไม่ยอมให้ไถ่ ถือได้ว่าจำเลยเปลี่ยนเจตนายึดถือเป็นการแย่งการครอบครองที่ดินพิพาทจากโจทก์ และเป็นเวลานานเกินกว่า 10 ปีแล้วในข้อนี้ เห็นว่า การขอไถ่ถอนแล้วโจทก์ไม่ยินยอมนั้นไม่อาจถือได้ว่าจำเลยบอกกล่าวเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือว่าจะไม่เป็นผู้อาศัย โดยจะเอาที่ดินพิพาทเป็นของจำเลยเสียแต่อย่างใด เพราะแม้จะรับฟังว่าฝ่ายจำเลยขอไถ่ถอนแล้วโจทก์ไม่ยินยอมจริง ก็เป็นแต่เพียงโจทก์ผิดสัญญาที่ไม่ยอมให้ไถ่ถอนเท่านั้น ไม่มีผลเปลี่ยนแปลงหากฝ่ายจำเลยเป็นผู้อาศัยก็ยังคงมีฐานะเป็นผู้อาศัยเช่นเดิมและปรากฏว่าการขออาศัยเกิดหลังจากพ้นกำหนดการไถ่ถอนแล้ว ดังที่โจทก์เบิกความว่านางทองปานผู้ขายฝากไม่ได้ไถ่ถอนในกำหนด ที่ดินพิพาทจึงตกเป็นของโจทก์ แต่นางทองปานไม่มีที่อยู่ขออาศัยโจทก์อยู่ในที่ดินดังกล่าวตลอดมา จนถึงชั้นจำเลยซึ่งเป็นลูกเขยนางทองปานก็ยังคงขออาศัยโจทก์อยู่ คำเบิกความของโจทก์นี้มีน้ำหนักเชื่อถือได้จำเลยไม่มีเหตุผลหักล้างให้รับฟังเป็นอย่างอื่น ที่จำเลยฎีกาว่าจำเลยต่อเติมบ้านกั้นรั้ว ปลูกต้นไม้ และเจาะน้ำบาดาลในที่ดินพิพาทแม้จะเป็นความจริงก็ไม่อาจถือได้ว่าจำเลยมีเจตนาครอบครองปรปักษ์เพราะผู้อาศัยในที่ดินพิพาทก็อาจจะทำเช่นนี้ได้เพื่อประโยชน์ในการอยู่อาศัย ที่ศาลล่างทั้งสองไม่รับฟังว่าจำเลยได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์ชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share