คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5952/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยทั้งสองค้างชำระค่าสินค้าแก่โจทก์ 161,973.60 บาท หนี้ครบกำหนดชำระแล้ว จำเลยที่ 1 จะบังคับให้โจทก์รับชำระหนี้แต่เพียงบางส่วน 65,331 บาท ไม่ได้ การที่โจทก์ไม่ยอมรับชำระจึงถือไม่ได้ว่าโจทก์เป็นผู้ผิดนัด โจทก์คงมีสิทธิเรียกดอกเบี้ยในต้น เงิน 65,331บาท จากจำเลยทั้งสองได้.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองสั่งซื้อสินค้าจากโจทก์ในนามยงฟ้าไทย รวม 6 ครั้ง เป็นเงิน 161,973.60 บาท จำเลยที่ 1สั่งจ่ายเช็ค จำนวนเงิน 65,331 บาท ชำระหนี้ให้โจทก์ เมื่อเช็คถึงกำหนด ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน โจทก์ทวงถามแล้วจำเลยทั้งสองไม่ยอมชำระ ขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินค่าสินค้าทั้งหมดแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยที่ 1 ให้การว่าได้สั่งจ่ายเช็คตามฟ้องจริง แต่ไม่เคยสั่งซื้อสินค้าจากโจทก์เมื่อธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินจำเลยได้นำเงินเข้าบัญชีและให้โจทก์นำเช็คไปเรียกเก็บแต่โจทก์กลับนำเช็คดังกล่าวไปฟ้องคดีอาญา จำเลยที่ 1 นำเงินตามเช็คไปชำระแก่โจทก์แล้วโจทก์ไม่ยอมรับ จึงไม่มีสิทธิเรียกดอกเบี้ยจากจำเลยที่ 1 ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 2 ขาดนัดยื่นคำให้การ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงินจำนวน161,973.60 บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เฉพาะการนับวันคิดดอกเบี้ยในแต่ละยอดหนี้
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ 1 เคยสั่งจ่ายเช็คให้โจทก์เพื่อชำระหนี้ค่าสินค้าจำเลยที่ 2 เป็นผู้สั่งซื้อหลายครั้ง ซึ่งเช็คดังกล่าวโจทก์สามารถเรียกเก็บเงินได้ ประกอบกับการที่จำเลยที่ 1ยอมให้จำเลยที่ 2 พิมพ์นามบัตรแสดงตนว่าเป็นผู้ช่วยผู้จัดการร้านยงฟ้าไทยในการติดต่อสั่งสินค้าและปล่อยให้จำเลยที่ 2เซ็นรับของโดยจำเลยที่ 1 เป็นผู้สั่งจ่ายเช็คชำระค่าสินค้าและต่อมาจำเลยที่ 2 ก็เป็นผู้เซ็นรับของอีกหลายครั้ง จำเลยที่ 1เป็นผู้สั่งจ่ายเช็คตามฟ้องชำระหนี้ค่าสินค้าโดยระบุชื่อโจทก์เป็นผู้รับเช็ค แสดงว่าจำเลยที่ 1 ร่วมกับจำเลยที่ 2 สั่งซื้อสินค้าจากโจทก์ตามฟ้อง จึงต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 2 แล้ววินิจฉัยข้อกฎหมายว่า ที่จำเลยที่ 1 ฎีกาว่า หนี้ค่าสินค้าจำนวน 65,331 บาทจำเลยที่ 1 ได้ขอปฏิบัติการชำระหนี้แล้ว แต่โจทก์ไม่ยอมรับชำระจำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องรับผิดชำระดอกเบี้ยในต้นเงินจำนวนดังกล่าวนั้นเห็นว่า จำเลยทั้งสองค้างชำระค่าสินค้าแก่โจทก์เป็นเงินทั้งสิ้น161,973.60 บาท ซึ่งครบกำหนดที่จะต้องชำระตามที่ตกลงกับโจทก์แล้วดังนี้ จำเลยที่ 1 ไม่อาจบังคับให้โจทก์รับชำระหนี้แต่เพียงบางส่วนจำนวน 65,331 บาท ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 320การที่โจทก์ไม่รับชำระหนี้แต่เพียงบางส่วน ยังถือไม่ได้ว่าโจทก์เป็นผู้ผิดนัด โจทก์จึงยังคงมีสิทธิคิดดอกเบี้ยในต้นเงินค่าสินค้าจำนวน 65,331 บาท จากจำเลยทั้งสองได้
พิพากษายืน.

Share