คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5944/2549

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

เมื่อศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า คดีไม่อยู่ในเขตอำนาจของศาลแล้วก็ย่อมที่จะพิพากษายกฟ้องได้ ไม่จำต้องวินิจฉัยประเด็นข้ออื่นเพราะไม่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรมฯ มาตรา 19 วรรคหนึ่ง
เมื่อพิจารณาใบสมัครสมาชิกบัตรเครดิตที่ระบุว่า สถานที่ส่งใบเรียกเก็บเงินคือที่ทำงานของจำเลยซึ่งตั้งอยู่ที่เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร และอยู่ในเขตศาลชั้นต้นแสดงว่าจำเลยได้เลือกเอาที่ทำงานของจำเลยโดยมีเจตนาชัดแจ้งว่าจะให้เป็นภูมิลำเนาเฉพาะการสำหรับการนั้นตาม ป.พ.พ. มาตรา 42 โจทก์จึงมีอำนาจยื่นคำฟ้องจำเลยต่อศาลชั้นต้นได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระเงินเนื่องจากการใช้บัตรเครดิตจำนวน 3,323,190.85 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 18.75 ต่อปี ของต้นเงิน 1,697,376.18 บาท นับถัดจากวันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การปฏิเสธ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว เห็นว่า จำเลยสมัครเป็นสมาชิกบัตรเครดิตของโจทก์ที่ธนาคารโจทก์ สาขาสามยอด และธนาคารโจทก์ สาขาสามยอด เป็นผู้พิจารณาอนุมัติให้จำเลยเป็นสมาชิกบัตรเครดิต ถือว่ามูลคดีเกิดที่ธนาคารโจทก์สาขาสามยอด ซึ่งตั้งอยู่ในเขตพระนคร กรุงเทพมหานคร และจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตบางซื่อ กรุงเทพมหานคร มูลคดีและภูมิลำเนาของจำเลยอยู่ในเขตศาลแพ่ง โจทก์จึงไม่มีอำนาจยื่นคำฟ้องต่อศาลชั้นต้น ไม่จำต้องวินิจฉัยประเด็นอื่นอีกต่อไป พิพากษายกฟ้องโจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “เห็นว่า เมื่อศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า คดีไม่อยู่ในเขตอำนาจศาลของศาลชั้นต้นแล้วก็ย่อมที่จะพิพากษายกฟ้องได้ไม่จำต้องวินิจฉัยประเด็นข้ออื่นเพราะไม่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 19 วรรคหนึ่ง อย่างไรก็ดี ปัญหาเรื่องเขตอำนาจศาลนี้แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแล้วในชั้นอุทธรณ์และชั้นฎีกา แต่เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้เอง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 (5) ประกอบด้วยมาตรา 246 และมาตรา 247 ซึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4 (1) บัญญัติว่า คำฟ้องให้เสนอต่อศาลที่จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาล หรือต่อศาลที่มูลคดีเกิดขึ้นในเขตศาลตามบทบัญญัติดังกล่าวโจทก์สามารถเสนอคำฟ้องของโจทก์ต่อศาลที่จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตหรือต่อศาลที่มูลคดีเกิดในเขตก็ได้ เมื่อพิจารณาใบสมัครสมาชิกบัตรเครดิตเอกสารหมาย จ.2 ที่ระบุว่า สถานที่ส่งใบเรียกเก็บเงินคือที่ทำงานของจำเลยซึ่งตั้งอยู่ที่เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร และอยู่ในเขตศาลชั้นต้นแสดงว่าจำเลยได้เลือกเอาที่ทำงานของจำเลยโดยมีเจตนาชัดแจ้งว่าจะให้เป็นภูมิลำเนาเฉพาะการเพื่อการติดต่อกับโจทก์ในเรื่องสัญญาบัตรเครดิต จึงถือว่าที่ทำงานของจำเลยเป็นภูมิลำเนาเฉพาะการสำหรับการนั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 42 โจทก์จึงมีอำนาจยื่นคำฟ้องจำเลยต่อศาลชั้นต้นได้ ที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่าโจทก์ไม่มีอำนาจยื่นคำฟ้องจำเลยต่อศาลชั้นต้นนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย”
พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาและมีคำพิพากษาไปตามรูปคดี

Share