คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5940/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่1เป็นลูกจ้างขับรถยนต์บรรทุกสิบล้อได้ขับรถยนต์บรรทุกสิบล้อรับจ้างบรรทุกไม้สักแปรรูปของกลางจากต่างจังหวัดมุ่งหน้าจะเข้ากรุงเทพมหานครโดยมีบุคคลที่จำเลยที่1อ้างว่าเป็นเจ้าของไม้ขับรถยนต์เก๋งนำทางแต่จำเลยที่1ถูกจับกุมระหว่างทางพฤติการณ์ดังกล่าวถือได้ว่าจำเลยที่1เป็นผู้ครอบครองไม้สักแปรรูปของกลาง

ย่อยาว

โจทก์ ฟ้อง และ แก้ไข คำฟ้อง ว่า เมื่อ วันที่ 25 มกราคม 2533เวลา กลางคืน ก่อน เที่ยง จำเลย ทั้ง สอง มี ไม้สัก แปรรูป ซึ่ง เป็น ไม้หวงห้าม ประเภท ก. จำนวน 2,272 แผ่น ปริมาตร 23.90 ลูกบาศก์เมตรไว้ ใน ครอบครอง โดย ไม่ได้ รับ อนุญาต จาก พนักงาน เจ้าหน้าที่ ตาม กฎหมายเหตุ เกิด ที่ ตำบล หันสัง อำเภอบางปะหัน จังหวัด พระนครศรีอยุธยา ตาม วัน เวลา ดังกล่าว เจ้าพนักงาน จับ จำเลย ทั้ง สอง ได้ และ ยึด ได้ไม้สัก แปรรูป ที่ จำเลย ทั้ง สอง มีไว้ ใน ครอบครอง เป็น ของกลางขอให้ ลงโทษ ตาม พระราชบัญญัติ ป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 4, 5, 6, 7,48, 73, 74, 74 ทวิ , 74 จัตวา ริบ ไม้ ของกลาง และ จ่าย สินบนนำ จับ แก่ ผู้นำจับ ตาม กฎหมาย
จำเลย ทั้ง สอง ให้การ ปฎิเสธ
ศาลชั้นต้น พิจารณา แล้ว พิพากษายก ฟ้อง แต่ ริบ ไม้ ของกลางคำขอ อื่น ให้ยก
โจทก์ และ จำเลย ทั้ง สอง อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษาแก้ เป็น ว่า จำเลย ที่ 1 มี ความผิด ตามพระราชบัญญัติ ป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 48, 73 วรรคสอง , 74 ให้ จำคุก20 ปี จำเลย ที่ 1 ให้การรับสารภาพ ชั้น จับกุม และ ชั้นสอบสวน เป็นประโยชน์ แก่ การ พิจารณา นับ ว่า มีเหตุ บรรเทา โทษ ลดโทษ ให้ หนึ่งใน สาม ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คง จำคุก 13 ปี 4 เดือนนอกจาก ที่ แก้ ให้ เป็น ไป ตาม คำพิพากษา ศาลชั้นต้น
จำเลย ที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า ข้อเท็จจริง เบื้องต้น ฟังได้ ว่า ตาม วันเวลา และ สถานที่เกิดเหตุ ตาม ฟ้อง เจ้าพนักงาน ตำรวจ จับกุม จำเลย ที่ 1ได้ พร้อม ไม้สัก แปรรูป ของกลาง จำนวน 2,272 แผ่น ปริมาตร 23.90ลูกบาศก์เมตร บรรทุก อยู่ บน รถยนต์บรรทุก สิบล้อ หมายเลข ทะเบียน80-1796 ตาก โดย มี จำเลย ที่ 1 เป็น คนขับ ปัญหา ที่ ต้อง วินิจฉัยตาม ฎีกา ของ จำเลย ที่ 1 มี ว่า จำเลย ที่ 1 มี ไม้สัก แปรรูป ของกลางไว้ ใน ครอบครอง โดย ไม่ได้ รับ อนุญาต จาก พนักงาน เจ้าหน้าที่ ตาม กฎหมายหรือไม่ เห็นว่า จำเลย ที่ 1 เป็น ลูกจ้าง ขับ รถยนต์บรรทุก สิบล้อได้ ขับ รถยนต์บรรทุก สิบล้อ รับจ้าง บรรทุก ไม้สัก แปรรูป ของกลางจาก ต่างจังหวัด มา ตาม ถนน พหลโยธิน มุ่งหน้า จะ เข้า กรุงเทพมหานคร แต่ ถูกจับ กุม ระหว่าง ทาง พฤติการณ์ ดังกล่าว ถือได้ว่า จำเลย ที่ 1เป็น ผู้ครอบครอง ไม้สัก แปรรูป ของกลาง ที่ จำเลย ที่ 1 อ้างว่าจำเลย ที่ 1 เป็น เพียง ลูกจ้าง ขับ รถยนต์บรรทุก สิบล้อ จำเลย ที่ 1 มิได้ครอบครอง ไม้สัก แปรรูป ของกลาง นั้น ฟังไม่ขึ้น
ศาลฎีกา ฟัง ข้อเท็จจริง ต่อไป ว่า ไม้สัก แปรรูป ของกลางเป็น ไม้ ที่ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จำเลย ที่ 1 จึง มี ไม้สัก แปรรูป ของกลางไว้ ใน ครอบครอง โดย มิได้ รับ อนุญาต จาก พนักงาน เจ้าหน้าที่ ตาม กฎหมายที่ ศาลอุทธรณ์ พิพากษา มา นั้น ศาลฎีกา เห็นพ้อง ด้วย ฎีกา จำเลย ที่ 1ฟังไม่ขึ้น แต่ ที่ ศาลอุทธรณ์ วางโทษ จำคุก จำเลย ที่ 1 มี กำหนด 20 ปีเห็นว่า หนัก เกิน ไป สมควร แก้ไข เสีย ใหม่ ให้ เหมาะสม
พิพากษาแก้ เป็น ว่า ให้ ลงโทษ จำคุก จำเลย ที่ 1 มี กำหนด4 ปี จำเลย ที่ 1 ให้การรับสารภาพ ชั้น จับกุม และ ชั้นสอบสวน เป็นประโยชน์ แก่ การ พิจารณา มีเหตุ บรรเทา โทษ ลดโทษ ให้ หนึ่ง ใน สามตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คง จำคุก 2 ปี 8 เดือนนอกจาก ที่ แก้ คง ให้ เป็น ไป ตาม คำพิพากษา ศาลอุทธรณ์

Share