แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แม้เป็นชั้นบังคับคดีแต่เป็นคดีฟ้องขับไล่จำเลยและบริวารออกจากที่ดินของโจทก์อันอาจให้ผู้อื่นเช่าได้ในขณะยื่นคำฟ้องเพียงเดือนละ1,000บาทไม่มีการต่อสู้เรื่องกรรมสิทธิ์อุทธรณ์ฎีกาของจำเลยเป็นการโต้แย้งดุลพินิจของศาลชั้นต้นถึงพฤติการณ์แห่งคดีว่ามีเหตุให้งดการบังคับคดีไว้ได้หรือไม่เพียงใดจึงเป็นอุทธรณ์ฎีกาในข้อเท็จจริงซึ่งในชั้นอุทธรณ์ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา224วรรคสองจำเลยไม่มีสิทธิอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงการที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยให้จึงไม่ชอบถือว่าข้อเท็จจริงเป็นอันยุติตามคำวินิจฉัยในคำสั่งของศาลชั้นต้นแล้วจำเลยไม่มีสิทธิฎีกา การออกคำสั่งอนุญาตตามคำขอหรือให้งดการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา293หรือไม่ไม่มีกฎหมายบัญญัติให้ศาลจะต้องทำการไต่สวนเสียก่อนดังนั้นแม้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา21(4)จะให้อำนาจศาลทำการไต่สวนตามเห็นสมควรก่อนมีคำสั่งได้แต่กรณีตามคำร้องของจำเลยดังกล่าวไม่มีเหตุที่ศาลจะมีคำสั่งให้งดการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา293ได้จึงไม่มีเหตุสมควรที่ศาลจะทำการไต่สวน
ย่อยาว
คดีนี้สืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยทั้งสองและเรียกค่าเสียหาย จำเลยทั้งสองขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองและบริวารออกจากที่ดินของโจทก์ ห้ามมิให้จำเลยทั้งสองและบริวารเข้าเกี่ยวข้องกับที่ดินของโจทก์ต่อไป กับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ 1,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยทั้งสองไม่เกี่ยวข้องกับที่ดินของโจทก์ จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งให้ยกคำร้อง จำเลยทั้งสองอุทธรณ์คำสั่ง ศาลชั้นต้นเห็นว่าเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224จึงไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสอง จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งว่าจำเลยไม่นำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันมาวางศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 จึงให้ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสอง จำเลยทั้งสองฎีกาและยื่นคำร้องขอให้ทุเลาการบังคับไว้ ศาลฎีกาพิพากษายืนและมีคำสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยทั้งสองทุเลาการบังคับ ให้ยกคำร้องโจทก์ขอให้บังคับคดี ศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดี
จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขอให้งดการบังคับคดีโดยอ้างว่าจำเลยที่ 1 ได้ฟ้องโจทก์ไว้ในคดี หมายเลขแดงที่ 1056/2533ของศาลชั้นต้นให้เพิกถอนสัญญาขายฝากและคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า คดีนี้ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดไปแล้วประกอบกับเหตุที่จำเลยอ้างว่าได้ยื่นฟ้องโจทก์เป็นอีกคดีหนึ่งนั้นไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 293จึงไม่มีเหตุที่จะงดการบังคับคดีให้ยกคำร้อง
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้เป็นชั้นบังคับคดี แต่คดีนี้เป็นคดีฟ้องขับไล่จำเลยทั้งสองและบริวารออกจากที่ดินของโจทก์อันอาจให้ผู้อื่นเช่าได้ในขณะยื่นคำฟ้องเพียงเดือนละ1,000 บาท ไม่มีการต่อสู้เรื่องกรรมสิทธิ์โดยจำเลยทั้งสองขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ตามอุทธรณ์ฎีกาของจำเลยที่ 1 ในประเด็นที่ว่าพฤติการณ์แห่งคดีมีเหตุให้งดการบังคับคดีไว้ได้หรือไม่เพียงใด เป็นการโต้แย้งดุลพินิจของศาลชั้นต้นจึงเป็นอุทธรณ์ฎีกาในข้อเท็จจริง ซึ่งในชั้นอุทธรณ์ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 วรรคสองจำเลยที่ 1 ไม่มีสิทธิอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยให้ เป็นการไม่ชอบ ต้องถือว่าข้อเท็จจริงเป็นอันยุติตามคำวินิจฉัยในคำสั่งของศาลชั้นต้นแล้วจำเลยที่ 1ไม่มีสิทธิฎีกา คงมีปัญหาข้อกฎหมายที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 1 ที่ว่า ศาลควรทำการไต่สวนคำร้องของ จำเลยที่ 1ที่ 2 เสียก่อนที่จะมีคำสั่งยกคำร้อง เพราะเป็นการขอให้งดการบังคับคดี เพื่อให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษามีโอกาสคัดค้านคำร้องนั้นเห็นว่า การออกคำสั่งอนุญาตตามคำขอหรือให้งดการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 293 หรือไม่ไม่มีกฎหมายบัญญัติให้ศาลจะต้องทำการไต่สวนเสียก่อนดังนั้นแม้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 21(4)จะให้อำนาจศาลทำการไต่สวนตามที่เห็นสมควรก่อนมีคำสั่งได้ แต่กรณีตามคำร้องของ จำเลยดังกล่าวไม่มีเหตุที่ศาลจะไม่มีคำสั่งให้งดการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 293 ได้ จึงไม่มีเหตุสมควรที่ศาลจะทำการไต่สวน
พิพากษายืน