คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5939/2534

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ทางเท้าที่เกิดเหตุเป็นของทางราชการกรุงเทพมหานคร ผู้ที่จะทำการขุดเจาะทางเท้าจะต้องใช้ความระมัดระวังไม่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพย์สินที่ฝังอยู่ใต้ทางเท้านั้น การที่คนงานของจำเลยที่ 1 ขุดเจาะทางเท้าจนก่อให้เกิดความเสียหายแก่สายเคเบิลไฟฟ้าใต้ดินของโจทก์ที่ฝังอยู่ใต้ดินโดยชอบ เป็นการประมาทและละเมิดต่อโจทก์ จำเลยที่ 2 ผู้ว่าจ้างจำเลยที่ 1 เป็นผู้ที่มีส่วนผิดอยู่ด้วยในส่วนของการงานที่สั่งให้จำเลยที่ 1 ทำ จำเลยที่ 2จึงต้องรับผิดต่อโจทก์ในความเสียหายดังกล่าว พนักงานของโจทก์ที่ไปทำการซ่อมแซมได้รับเงินเดือนประจำจากโจทก์แต่ถ้าไม่มีการทำละเมิดจนเป็นเหตุให้ทรัพย์สินของโจทก์เสียหายโจทก์ย่อมใช้พนักงานไปทำงานอื่นของโจทก์ได้โดยไม่ต้องให้ไปทำการซ่อมแซมทรัพย์สินของโจทก์ที่ได้รับความเสียหาย และนอกจากนี้หากโจทก์จ้างเหมาให้บุคคลอื่นไปทำการซ่อมแซมทรัพย์สินของโจทก์ที่เสียหาย จำเลยที่ 2 ก็ต้องรับผิดต่อโจทก์ชดใช้ค่าแรงงานที่โจทก์จ้างเหมาบุคคลอื่น ดังนั้นจำเลยที่ 2 จึงต้องรับผิดต่อโจทก์สำหรับค่าแรงงานตามฟ้อง.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าโจทก์ได้ปักเสาและพาดสายไฟฟ้าไปตามถนนในกรุงเทพมหานคร ซึ่งในบางช่วงได้วางสายเคเบิลไฟฟ้าใต้ดินไปตามทางเท้าถนนสายต่าง ๆ ด้วย รวมทั้งวางสายเคเบิลไฟฟ้าใต้ดินที่บริเวณทางเท้าหน้า เจ.อาร์.คาเฟ่และภัตตาคาร ถนนสมเด็จพระเจ้าตากสินแขวงบุคคโล เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร อันเป็นกรรมสิทธิ์และอยู่ในความครอบครองของโจทก์ขณะเกิดเหตุ จำเลยที่ 1 เป็นผู้รับจ้างเหมาค่าแรงจากจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นเจ้าของและผู้จัดการ เจ.อาร์.คาเฟ่และภัตตาคารในการขุดวางท่อระบายน้ำจากตัวอาคารออกมาทางด้านนอกผ่านทางเท้าเพื่อเชื่อมกับท่อระบายน้ำของกรุงเทพมหานครนายฟัก สุขสุขเวช ลูกจ้างของจำเลยที่ 1 ร่วมกับจำเลยที่ 1ได้ขุดวางท่อระบายน้ำจากภายในตัวอาคาร เจ.อาร์.คาเฟ่และภัตตาคารถึงบริเวณทางเท้าของกรุงเทพมหานครซึ่งอยู่ภายนอกตัวอาคารดังกล่าว นายฟักและจำเลยที่ 1 แจ้งให้จำเลยที่ 2 ทราบว่าไม่สามารถขุดได้ เพราะพบสายเคเบิลไฟฟ้าใต้ดินของโจทก์วางอยู่ใต้ทางเท้าเกรงจะเกิดอันตราย แต่จำเลยที่ 2 ยืนยันให้ขุดต่อไป จำเลยที่ 1และนายฟักขุดต่อไปด้วยความประมาทปราศจากความระมัดระวังจนเป็นเหตุให้สายเคเบิลไฟฟ้าใต้ดินของโจทก์พร้อมอุปกรณ์ชำรุดเสียหาย ดังนี้ (1) ค่าสายไฟฟ้าเคเบิลใต้ดิน 85,152.64 บาท(2) ค่าอุปกรณ์ 18,562.29 บาท (3) ค่าเช่าเครื่องทดสอบ 200 บาท(4) ค่าซ่อมท่อร้อยสายไฟฟ้า 2,776.81 บาท (5) ค่าแรงงาน23,190.50 บาท รวมเป็นค่าเสียหาย 129,882.24 บาท จำเลยทั้งสองต้องร่วมรับผิด ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันชำระค่าเสียหายและดอกเบี้ย
จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การ
จำเลยที่ 2 ให้การว่า จำเลยที่ 2 ว่าจ้างจำเลยที่ 1 วางท่อระบายน้ำออกจากอาคารของจำเลยที่ 2 ไปบรรจบกับท่อระบายน้ำสาธารณะของกรุงเทพมหานครในการวางท่อระบายน้ำตามที่จ้างเหมาจำเลยที่ 2 ไม่เคยเข้ายุ่งเกี่ยวแต่อย่างใด ไม่ทราบว่าไม่สามารถขุดได้เนื่องจากพบสายเคเบิลไฟฟ้าใต้ดิน จำเลยที่ 2 ไม่เคยสั่งหรือยืนยันให้จำเลยที่ 1 ขุดต่อ ไม่ทราบเรื่องละเมิด ทราบแต่เพียงว่าจำเลยที่ 1 ขุดพบท่อสายไฟฟ้าใต้ดินและทำการขุดลอดท่อสายไฟใต้ดินบรรจบท่อระบายน้ำสาธารณะแล้วเสร็จฟ้องของโจทก์ในส่วนที่เกี่ยวกับค่าเสียหายเคลือบคลุมเนื่องจากโจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ 1 กระทำละเมิดก่อให้เกิดความเสียหายอย่างใดค่าเสียหายที่เรียกร้องก็ไม่มีรายละเอียดในบรรดาความเสียหายและอุปกรณ์ที่ชำรุดว่ามีอะไรบ้าง จำเลยที่ 2 ไม่อาจต่อสู้คดีได้ถูกต้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันชำระค่าเสียหาย 129,882.24 บาท แก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงรับฟังได้ในเบื้องต้นว่าจำเลยที่ 2 เป็นเจ้าของกิจการขายอาหารและเครื่องดื่มชื่อร้านเจ.อาร์.คาเฟ่และภัตตาคาร จำเลยที่ 2 ได้จ้างเหมาจำเลยที่ 1ให้ขุดวางท่อระบายน้ำจากด้านหลังของอาคารที่ใช้ประกอบกิจการดังกล่าว ผ่านทางเท้าของกรุงเทพมหานคร เพื่อไปบรรจบกับท่อระบายน้ำของกรุงเทพมหานคร การขุดทางเท้าดังกล่าวซึ่งเป็นพื้นซีเมนต์นายฟัก สุขสุขเวช คนงานของจำเลยที่ 1 ใช้เหล็กสกัดตอกแล้วใช้ชะแลงงัด และการใช้เหล็กสกัดตอกนั้น เหล็กสกัดไปถูกสายเคเบิลไฟฟ้าใต้ดินของโจทก์ที่ฝังอยู่ใต้พื้นทางเท้าได้รับความเสียหายมีปัญหาที่จะวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 2 ในประการแรกว่า จำเลยที่ 2 ต้องรับผิดต่อโจทก์ในความเสียหายของโจทก์หรือไม่ศาลฎีกาเห็นว่า ทางเท้าที่เกิดเหตุเป็นของทางราชการกรุงเทพมหานครผู้ที่จะทำการขุดเจาะทางเท้าดังกล่าวจะต้องใช้ความระมัดระวังไม่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพย์สินที่ฝังอยู่ใต้ทางเท้านั้น การที่นายฟักคนงานของจำเลยที่ 1 ขุดเจาะทางเท้าจนก่อให้เกิดความเสียหายแก่สายเคเบิลไฟฟ้าใต้ดินของโจทก์ที่ฝังอยู่ใต้ทางเท้านั้นโดยชอบถือได้ว่านายฟักได้กระทำโดยประมาทและเป็นการละเมิดต่อโจทก์ซึ่งจำเลยที่ 2 ผู้ว่าจ้างจำเลยที่ 1 ให้ขุดทางเท้าเพื่อวางท่อระบายน้ำ เป็นผู้ที่มีส่วนผิดอยู่ด้วยในส่วนของการงานที่สั่งให้จำเลยที่ 1 ทำ จำเลยที่ 2 จึงต้องรับผิดต่อโจทก์ในความเสียหายดังกล่าวของโจทก์ ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 428…
มีปัญหาที่จะวินิจฉัยในประการสุดท้ายว่า จำเลยที่ 2ต้องรับผิดต่อโจทก์สำหรับค่าแรงงานดังฟ้องของโจทก์หรือไม่ที่จำเลยที่ 2 ฎีกาในปัญหานี้ว่า คนงานที่ไปทำการซ่อมแซมทรัพย์สินของโจทก์ที่ได้รับความเสียหายเป็นพนักงานประจำของโจทก์ที่ได้รับเงินเดือนที่แน่นอนและการทำงานซ่อมแซมเป็นไปตามหน้าที่ตามสายงานที่รับผิดชอบ โจทก์ไม่อาจเรียกเงินส่วนนี้จากจำเลยที่ 2ได้นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า แม้พนักงานของโจทก์ที่ไปทำการซ่อมแซมจะได้รับเงินเดือนจากโจทก์เป็นประจำอยู่แล้ว แต่ก็เห็นได้ว่าถ้าไม่มีการกระทำละเมิดจนเป็นเหตุให้ทรัพย์สินของโจทก์เสียหายโจทก์ย่อมใช้พนักงานของโจทก์ไปทำงานอื่นของโจทก์ได้โดยไม่ต้องให้ไปทำการซ่อมแซมทรัพย์สินของโจทก์ที่ได้รับความเสียหายดังกล่าว และนอกจากนี้แล้วยังเห็นได้ด้วยว่าหากโจทก์จ้างเหมาให้บุคคลอื่นไปทำการซ่อมแซมทรัพย์สินของโจทก์ที่ได้รับความเสียหายจำเลยที่ 2 ก็ต้องรับผิดต่อโจทก์ชดใช้ค่าแรงงานที่โจทก์จ้างเหมาบุคคลอื่นเช่นเดียวกัน จึงเห็นว่าจำเลยที่ 2 ต้องรับผิดต่อโจทก์สำหรับค่าแรงงานดังที่โจทก์ฟ้อง…”
พิพากษายืน.

Share