คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5936/2539

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ม. ผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินตาม น.ส.3 ขายที่ดินให้ผู้คัดค้านทั้งสองและได้ส่งมอบการครอบครองให้แล้วผู้คัดค้านทั้งสองย่อมได้ไปซึ่งสิทธิครอบครองโดยมิต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ เมื่อ ม.ตายก็ไม่มีสิทธิครอบครองหรือทรัพย์สินดังกล่าวเป็นมรดกที่ต้องจัดการอีกต่อไป ม. ไม่มีหน้าที่ทางนิติกรรมที่จะต้องจดทะเบียนโอนให้แก่ผู้คัดค้านทั้งสองจึงไม่จำต้องมีการตั้งผู้จัดการมรดกของ ม.

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องขอว่า นายมี แก้ววงษา กับนางเลียน แก้ววงษา อยู่กินร่วมกันฉันสามีภริยา โดยไม่ได้จดทะเบียนสมรส มีบุตรด้วยกัน 2 คน คือนายพร แก้ววงษาและนางถาวร แก้ววงษา นายมีมีที่ดินที่ทำมาหาได้ร่วมกับนางเลียน 1 แปลง คือที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส.3) เลขที่ 122 และบ้านเลขที่ 65/1 ซึ่งปลูกสร้างในที่ดินดังกล่าว เมื่อนางเลียนตาย นายมีมาอยู่กินฉันสามีภริยากับผู้ร้อง โดยต่างได้เข้าร่วมทำประโยชน์ในที่ดินดังกล่าวเมื่อปี 2518 นายมีขายที่ดินดังกล่าวให้แก่นายบัวลา ศรีคำโดยสละการครอบครองที่ดินทั้งแปลงให้แก่นายบัวลาแต่ไม่ได้โอนทางทะเบียน ส่วนนายพรได้นางอ่อย เหล่าศรีทุม บุตรผู้ร้องเป็นภริยาโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน ต่อมาปี 2525 และ 2531นายมีและนายพรตายกรณีมีเหตุขัดข้องในการจัดการมรดกผู้ร้องไม่เป็นบุคคลต้องห้ามตามกฎหมาย ขอให้มีคำสั่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของนายมีและนายพรผู้ตายทั้งสอง
ผู้คัดค้านทั้งสองยื่นคำคัดค้านว่า ผู้ร้องไม่ใช่ทายาทของผู้ตายทั้งสองหรือเป็นผู้มีส่วนได้เสีย เพราะที่ดินและบ้านตามคำร้องนายมีได้มาก่อนอยู่กินฉันสามีภริยากับผู้ร้องผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอจัดการมรดก นายมีขายที่ดินและบ้านดังกล่าวให้แก่ผู้คัดค้านทั้งสองตั้งแต่ปี 2518โดยส่งมอบการครอบครองให้แก่ผู้คัดค้านทั้งสอง ผู้คัดค้านทั้งสองเข้าครอบครองในฐานะเจ้าของมาถึงปัจจุบัน แต่ขณะดำเนินการเปลี่ยนแปลงทางทะเบียนนายมีตาย ผู้คัดค้านทั้งสองติดต่อให้พนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินการเปลี่ยนแปลงชื่อทางทะเบียนเกี่ยวกับที่ดินจากชื่อของนายมีเป็นชื่อผู้คัดค้านทั้งสองแต่ไม่สามารถดำเนินการได้จนกว่าศาลจะมีคำสั่งตั้งผู้จัดการมรดกเสียก่อน ผู้คัดค้านทั้งสองเป็นผู้มีส่วนได้เสียในทรัพย์มรดกโดยเป็นเจ้าหนี้ของนายมีผู้ตาย และไม่เป็นบุคคลต้องห้ามตามกฎหมาย ขอให้ยกคำร้องและตั้งผู้คัดค้านทั้งสองเป็นผู้จัดการมรดกของนายมีผู้ตาย
ศาลชั้นต้นพิพากษายกคำร้องและคำคัดค้าน
ผู้คัดค้านทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
ผู้คัดค้านทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่ผู้คัดค้านทั้งสองฎีกาว่า คำพิพากษาคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 508/2534 ของศาลชั้นต้นซึ่งถึงที่สุดไม่ผูกพันผู้คัดค้านทั้งสองก็ด้วยประสงค์จะขอให้ศาลตั้งผู้คัดค้านทั้งสองเป็นผู้จัดการมรดกของนายมี ในปัญหาดังกล่าวนี้ตามคำคัดค้านของผู้คัดค้านทั้งสองกล่าวว่า ที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) เลขที่ 122 และบ้านเลขที่ 65/1 ซึ่งปลูกสร้างในที่ดินดังกล่าว นายมีได้ขายให้แก่ผู้คัดค้านทั้งสองตั้งแต่นายมียังมีชีวิตอยู่ ผู้คัดค้านทั้งสองได้เข้าครอบครองตลอดมา แต่ยังไม่ได้โอนทางทะเบียนหลังจากนายมีตายแล้วผู้คัดค้านทั้งสองไปขอให้พนักงานเจ้าหน้าที่โอนเปลี่ยนชื่อนายมีมาเป็นชื่อผู้คัดค้านทั้งสองแต่พนักงานเจ้าหน้าที่ไม่สามารถจัดการให้ได้ ต้องมีผู้จัดการมรดกเสียก่อน เห็นว่า นายมีผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ เมื่อขายให้ผู้คัดค้านทั้งสองและได้ส่งมอบการครอบครองให้ผู้คัดค้านทั้งสองแล้วผู้คัดค้านทั้งสองแต่พนักงานเจ้าหน้าที่ไม่สามารถจัดการให้ได้ ต้องมีผู้จัดการมรดกเสียก่อน เห็นว่า นายมีผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ เมื่อขายให้ผู้คัดค้านทั้งสองและได้ส่งมอบการครอบครองให้ผู้คัดค้านทั้งสอง ย่อมได้ไปซึ่งสิทธิครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1378 โดยมิพักต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ดังนั้น เมื่อนายมีตายก็ไม่มีสิทธิครอบครองหรือทรัพย์สินดังกล่าวเป็นมรดกที่จะต้องจัดการอีกต่อไปส่วนที่ผู้คัดค้านทั้งสองอ้างว่า นายมียังมีหน้าที่จดทะเบียนโอนให้ผู้คัดค้านทั้งสอง จึงจำต้องตั้งผู้จัดการมรดกนั้น เห็นว่านายมีขายที่ดินดังกล่าวให้แก่ผู้คัดค้านทั้งสอง และสละเจตนาครอบครองที่ดินนั้นให้แก่ผู้คัดค้านทั้งสองแล้ว นายมีจึงไม่มีหน้าที่ทางนิติกรรมที่จะต้องจดทะเบียนโอนให้แก่ผู้คัดค้านทั้งสอง กรณีไม่จำต้องมีการจัดการมรดก จึงไม่จำต้องตั้งผู้จัดการมรดก ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกคำคัดค้านของผู้คัดค้านทั้งสองศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล ฎีกาของผู้คัดค้านทั้งสองฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share