แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ทั้งสี่ใช้ลำรางพิพาทในการชักน้ำเข้านาที่ดินโฉนดเลขที่ 3191 แล้วขุดเป็นบ่ออยู่ในที่ดินแปลงดังกล่าว จากนั้นโจทก์ทั้งสี่ใช้ระหัดวิดน้ำหรือใช้เครื่องสูบน้ำชักน้ำเข้าไปยังที่ดินแปลงอื่นของโจทก์ที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 ด้วยความสงบ และเปิดเผย ด้วยเจตนาให้ได้มาซึ่งภาระจำยอมเกินกว่า 10 ปี แล้ว แม้จะได้ความว่ามีลำรางพิพาทถึงที่ดินโฉนดเลขที่ 3191 ของโจทก์ที่ 2 และที่ 3 เท่านั้น ส่วนที่ดินแปลงอื่น ๆ ดังกล่าวของโจทก์ที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 มีการชักน้ำเข้าไปโดยการใช้ระหัดวิดน้ำหรือเครื่องสูบน้ำจากที่ดินโฉนดเลขที่ 3191 แต่ก็อยู่ในลักษณะที่ลำรางพิพาทในที่ดินของจำเลยทั้งสามต้องรับกรรม หรือรับภาระเพื่อประโยชน์แก่ที่ดินของโจทก์ที่ 2 และที่ 3 และที่ดินของโจทก์ที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 ที่อยู่ถัดไปด้วยเช่นกัน เพราะสามยทรัพย์และภารยทรัพย์ไม่จำเป็นต้องอยู่ติดกัน ถ้าการที่ต้องภาระจำยอมนั้นมีลักษณะเป็นภาระแก่อสังหาริมทรัพย์อื่น จะเป็นแปลงหนึ่งหรือหลายแปลงก็ดี จะมีอสังหาริมทรัพย์อื่นคั่นอยู่ก็ดี ก็ตกเป็นภาระจำยอมได้ ที่ดินของจำเลยทั้งสามจึงตกเป็นภาระจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์ทั้งสี่ทั้งหกแปลงในการใช้ลำรางพิพาทโดยอายุความ
ย่อยาว
โจทก์ทั้งสี่ฟ้องและแก้ไขคำฟ้อง ขอให้พิพากษาว่าลำรางหรือคูน้ำซึ่งผ่านที่ดินโฉนดเลขที่ 24116, 30929, 30930 และ 24516 ตำบลบางเดื่อ อำเภอเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี ตามแผนที่สังเขปท้ายฟ้อง เป็นทางภาระจำยอมของที่ดินโฉนดเลขที่ 3191, 3190, 3181, 3189, 14967 และ 14968 ตำบลบางเดื่อ อำเภอเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี ให้จำเลยทั้งสามจดทะเบียนที่ดินทั้งสี่แปลงของจำเลยทั้งสามเป็นภาระจำยอมแก่ที่ดินทั้งหกแปลงของโจทก์ทั้งสี่ หากจำเลยทั้งสามไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาแทนจำเลยทั้งสาม ให้จำเลยทั้งสามจัดการขุดและขนดิน วัสดุอุปกรณ์ หรือสิ่งปิดกั้นทางภาระจำยอมออกไปให้พ้น ให้อยู่ในสภาพที่โจทก์ทั้งสี่จะใช้ประโยชน์ได้ดังเดิม โดยให้มีความกว้างประมาณ 6 เมตร ตลอดแนวจากคลองบางโพถึงที่ดินของโจทก์ที่ 2 และที่ 3 ยาวประมาณ 125 เมตร และให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ทั้งสี่เดือนละ 37,950 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยทั้งสามจะทำทางพิพาทให้ใช้ได้ดังเดิม
จำเลยทั้งสามให้การและแก้ไขคำให้การ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ลำรางหรือคูน้ำซึ่งผ่านที่ดินโฉนดเลขที่ 24116, 30929, 30930 และ 24516 ตำบลบางเดื่อ อำเภอเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี ตามแผนที่สังเขปท้ายฟ้องเป็นทางภาระจำยอมของที่ดินโฉนดเลขที่ 3191, 3190, 3181, 3189, 14967 และ 14968 ให้จำเลยทั้งสามจดทะเบียนที่ดินทั้งสี่แปลงดังกล่าวของจำเลยทั้งสามเป็นภาระจำยอมแก่ที่ดินทั้งหกแปลงของโจทก์ทั้งสี่ หากจำเลยทั้งสามไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาของจำเลยทั้งสาม ให้จำเลยทั้งสามจัดการขุดและขนดิน วัสดุอุปกรณ์หรือสิ่งปิดกั้นทางภาระจำยอมตามแผนที่สังเขปท้ายฟ้องออกให้พ้น และทำทางพิพาท (ลำรางพิพาท) ให้อยู่ในสภาพที่โจทก์ทั้งสี่จะใช้ประโยชน์ได้ดังเดิม ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ทั้งสี่เดือนละ 1,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยทั้งสามจะทำทางพิพาท (ลำรางพิพาท) ให้โจทก์ทั้งสี่ใช้ได้ดังเดิม กับให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ทั้งสี่ โดยกำหนดค่าทนายความ 3,000 บาท
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า ลำรางพิพาทในที่ดินของจำเลยทั้งสามตกเป็นภาระจำยอมเฉพาะเพื่อประโยชน์ในการใช้น้ำจากลำรางของที่ดินโฉนดเลขที่ 3191 ดังกล่าวของโจทก์ที่ 2 และที่ 3 ให้จำเลยทั้งสามจดทะเบียนที่ดินของจำเลยทั้งสามเป็นภาระจำยอมแก่ที่ดินแปลงดังกล่าวของโจทก์ที่ 2 และที่ 3 และให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ที่ 2 และที่ 3 เท่านั้น ยกฟ้องโจทก์ที่ 1 และที่ 4 นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ค่าฤชาธรรมเนียมสำหรับโจทก์ที่ 1 และที่ 4 กับจำเลยทั้งสามในศาลชั้นต้นให้เป็นพับ ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ทั้งสี่และจำเลยทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ในเบื้องต้นว่า ที่ดินโฉนดเลขที่ 3191, 3190, 3189, 3181, 14968 และ 14967 ดังกล่าว ตั้งอยู่ติดต่อกันเป็นผืนเดียวจากทิศเหนือไปยังทิศใต้ มีชื่อโจทก์ที่ 2 และที่ 3 โจทก์ที่ 1 และที่ 2 โจทก์ที่ 4 โจทก์ที่ 2 โจทก์ที่ 2 และโจทก์ที่ 1 เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ตามลำดับ ที่ดินโฉนดเลขที่ 24516, 30930, 30929 และ 24116 ตั้งอยู่ติดต่อกันเป็นผืนเดียวจากทิศใต้ไปทิศเหนือ มีชื่อจำเลยที่ 1 และที่ 2 จำเลยที่ 1 และที่ 2 จำเลยที่ 3 และจำเลยที่ 1 และที่ 2 เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ตามลำดับ ด้านทิศเหนือของที่ดินโฉนดเลขที่ 3191 ติดต่อกับด้านทิศใต้ของที่ดินโฉนดเลขที่ 24516 และด้านทิศเหนือของที่ดินโฉนดเลขที่ 24116 ติดกับคลองบางโพ มีลำรางพิพาทเชื่อมจากคลองบางโพผ่านที่ดินของจำเลยทั้งสามเข้าไปในที่ดินโฉนดเลขที่ 3191 ของโจทก์ที่ 2 และที่ 3 และโจทก์ทั้งสี่ได้ใช้น้ำไหลผ่านลำรางพิพาทเพื่อประโยชน์แก่ที่ดินของโจทก์ทั้งสี่…
คดีมีปัญหาวินิจฉัยข้อแรกตามฎีกาของโจทก์ทั้งสี่ว่า ลำรางพิพาทตกเป็นภาระจำยอมแก่ที่ดินทุกแปลงของโจทก์ทั้งสี่หรือไม่ และภาระจำยอมเป็นทางเรือยังคงมีอยู่หรือไม่ เห็นว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า โจทก์ทั้งสี่ใช้ลำรางพิพาทในการชักน้ำเข้านาที่ดินโฉนดเลขที่ 3191 แล้วขุดเป็นบ่ออยู่ในที่ดินแปลงดังกล่าว จากนั้นโจทก์ทั้งสี่ใช้ระหัดวิดน้ำหรือใช้เครื่องสูบน้ำชักน้ำเข้าไปยังที่ดินแปลงอื่น คือที่ดินโฉนดเลขที่ 3190, 3189, 3181, 14968 และ 14967 ของโจทก์ที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 ด้วยความสงบและโดยเปิดเผย ด้วยเจตนาให้ได้มาซึ่งภาระจำยอมเกินกว่า 10 ปี แล้ว แม้จะได้ความว่ามีลำรางพิพาทถึงที่ดินโฉนดเลขที่ 3191 ของโจทก์ที่ 2 และที่ 3 เท่านั้น ส่วนที่ดินแปลงอื่นๆ ดังกล่าวของโจทก์ที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 มีการชักน้ำเข้าไปโดยการใช้ระหัดวิดน้ำหรือเครื่องสูบน้ำจากที่ดินโฉนดเลขที่ 3191 แต่ก็อยู่ในลักษณะที่ลำรางพิพาทในที่ดินของจำเลยทั้งสามต้องรับกรรม หรือรับภาระเพื่อประโยชน์แก่ที่ดินของโจทก์ที่ 2 และที่ 3 และที่ดินของโจทก์ที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 ที่อยู่ถัดไปด้วยเช่นกัน เพราะสามยทรัพย์และภารยทรัพย์ไม่จำเป็นต้องอยู่ติดกัน ถ้าการที่ต้องภาระจำยอมนั้นมีลักษณะเป็นภาระแก่อสังหาริมทรัพย์อื่น จะเป็นแปลงหนึ่งหรือหลายแปลงก็ดี จะมีอสังหาริมทรัพย์อื่นคั่นอยู่ก็ดี ก็ตกเป็นภาระจำยอมได้ ที่ดินของจำเลยทั้งสามจึงตกเป็นภาระจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์ทั้งสี่ทั้งหกแปลงในการใช้ลำรางพิพาทโดยอายุความแล้ว ฎีกาของโจทก์ทั้งสี่ในข้อนี้ฟังขึ้น ส่วนฎีกาของจำเลยทั้งสามในข้อนี้ฟังไม่ขึ้น…
ปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งสามต่อไปมีว่า สิทธิการได้มาซึ่งภาระจำยอมลำรางพิพาทของโจทก์ทั้งสี่ยังไม่ได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่จึงยังไม่สมบูรณ์ใช้ยันต่อจำเลยทั้งสามผู้รับโอนที่ดินมาโดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริตและได้จดทะเบียนโดยสุจริตไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 วรรคสอง หรือไม่ นั้น เห็นว่า สิทธิตามความหมายในบทบัญญัติดังกล่าวต้องเป็นสิทธิในประเภทเดียวกัน แต่ภาระจำยอมเป็นสิทธิในประเภทรอนสิทธิ ส่วนกรรมสิทธิ์เป็นสิทธิในประเภทได้สิทธิ ซึ่งเป็นสิทธิคนละประเภทกัน เมื่อโจทก์ทั้งสี่ได้สิทธิภาระจำยอมลำรางพิพาทในที่ดินของจำเลยทั้งสาม จำเลยทั้งสามจะต้องรับรู้ถึงสิทธิของโจทก์ทั้งสี่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1387 จึงไม่อาจนำมาตรา 1299 วรรคสอง มาใช้บังคับแก่กรณีนี้ได้ ฎีกาของจำเลยทั้งสามในข้อนี้ฟังไม่ขึ้น…
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นเฉพาะภาระจำยอมเพื่อประโยชน์ในการใช้น้ำจากลำรางพิพาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ