คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5926/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

หนี้ที่จำเลยต้องชำระให้โจทก์เป็นหนี้เงิน เมื่อจำเลยผิดนัดต้องเสียดอกเบี้ยให้โจทก์ในระหว่างผิดนัดร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 224 เหตุที่สัญญาในส่วนดอกเบี้ยเป็นโมฆะเพราะกำหนดให้จำเลยเสียดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้ไม่เป็นเหตุให้โจทก์เสียสิทธิในการได้รับดอกเบี้ยจากจำเลยตามกฎหมายเพราะจำเลยผิดนัด การที่จำเลยชำระดอกเบี้ยที่เป็นโมฆะให้แก่โจทก์เพราะกำหนดไว้เกินอัตราที่กฎหมายบัญญัติไว้ จำเลยจะเรียกดอกเบี้ยคืนจากโจทก์ไม่ได้เพราะเป็นการชำระหนี้อันเป็นการฝ่าฝืนข้อห้ามตามกฎหมายต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 411 โจทก์จึงไม่มีหน้าที่จะต้องคืนเงินดังกล่าวที่รับไว้ให้จำเลย โจทก์ย่อมไม่เป็นลูกหนี้ของจำเลยอันจะเป็นเหตุให้มีการหักกลบลบหนี้กันได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 341.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ยืมเงินจากโจทก์ไปรวม 3 ครั้ง รวมเป็นเงินที่ยืมไปและค้างชำระ 201,000 บาท เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่จำเลยตกลงยินยอมชำระให้โจทก์สูงกว่าที่กฎหมายกำหนด โจทก์จึงขอสละสิทธิที่จะเรียกดอกเบี้ยส่วนที่เกินโดยขอเรียกเท่าจำนวนชั้นสูงสุดที่กฎหมายอนุญาตให้เรียกได้ในอัตราร้อยละ 15 ต่อปีนับแต่วันที่จำเลยยืมเงินโจทก์ไปแต่ละครั้งจนถึงวันฟ้องคิดเป็นดอกเบี้ยที่จำเลยต้องชำระให้โจทก์ทั้งสิ้นเป็น เงิน 73,472.20 บาทขอให้บังคับให้จำเลยชำระเงินทั้งสองจำนวนดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของเงินจำนวน 201,000 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์จำเลยให้การว่า โจทก์คิดดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดในส่วนดอกเบี้ยจึงเป็นโมฆะโจทก์ไม่มีสิทธิคิดดอกเบี้ยกับจำเลย จำเลยชำระดอกเบี้ยให้โจทก์ครบถ้วนเป็นเงิน 139,130 บาท เมื่อนำไปหักกับเงินต้นที่จำเลยค้างชำระโจทก์อยู่ จำเลยคงค้างชำระเงินให้โจทก์เพียง 61,860 บาทขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระต้นเงิน 201,000 บาท และดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 23 เมษายน 2529 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ คำขออื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ในเบื้องต้นว่าจำเลยได้ยืมเงินจากโจทก์ไปและโจทก์คิดดอกเบี้ยจากจำเลยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้ จำเลยก็ได้ชำระดอกเบี้ยให้แก่โจทก์ ต่อมาโจทก์ทวงถามให้จำเลยชำระหนี้ที่จำเลยยืมไป จำเลยไม่ชำระ ปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยประการแรกคือ การที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้จำเลยชำระดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีของเงินต้นนับแต่วันผิดนัดจนกว่าจะชำระเงินต้นให้โจทก์เสร็จนั้นชอบหรือไม่ เห็นว่าหนี้ที่จำเลยต้องชำระให้โจทก์เป็นหนี้เงิน เมื่อจำเลยผิดนัดจำเลยต้องเสียดอกเบี้ยให้โจทก์ในระหว่างผิดนัดร้อยละ 7.5 ต่อปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 224 เหตุที่สัญญาในส่วนของดอกเบี้ยเป็นโมฆะเพราะกำหนดให้จำเลยเสียดอกเบี้ยเกินจากอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้ไม่เป็นเหตุให้โจทก์เสียสิทธิในการได้รับดอกเบี้ยจากจำเลยตามกฎหมายเพราะจำเลยผิดนัด คำพิพากษาของศาลล่างทั้งสองที่ให้จำเลยชำระดอกเบี้ยให้โจทก์ในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีนับแต่วันผิดนัดจึงชอบแล้ว
ปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยประการที่สอง คือ ดอกเบี้ยที่เป็นโมฆะที่จำเลยชำระให้โจทก์ไปแล้ว จำเลยจะเอาไปหักกับเงินต้นที่จะต้องชำระให้โจทก์ได้หรือไม่ เห็นว่า การที่จำเลยชำระดอกเบี้ยที่เป็นโมฆะให้แก่โจทก์ เพราะกำหนดไว้เกินอัตราที่กฎหมายบัญญัติไว้จำเลยจะเรียกดอกเบี้ยคืนจากโจทก์ไม่ได้เพราะเป็นการชำระหนี้อันเป็นการฝ่าฝืนข้อห้ามตามกฎหมาย ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 411 โจทก์จึงไม่มีหน้าที่จะต้องคืนเงินดังกล่าวที่รับไว้ให้จำเลย โจทก์ย่อมไม่เป็นลูกหนี้ของจำเลยอันจะเป็นเหตุให้มีการหักกลบลนหนี้กันได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 341 เพราะจำเลยเป็นลูกหนี้โจทก์เพียงฝ่ายเดียว
พิพากษายืน.

Share