แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ตามสัญญาจ้างทำของกำหนดให้จำเลยต้องจ่ายเงินค่าจ้างงวดที่ 5แก่โจทก์ภายหลังจากที่ได้ส่งมอบงานแล้ว 1 เดือน แม้ว่าโจทก์จะนำคดีมาฟ้องก่อนจะครบกำหนดเวลาดังกล่าวก็ตาม แต่เมื่อจำเลยให้การว่าจำเลยไม่ต้องรับผิดชำระเงินเพราะโจทก์ผิดสัญญา ย่อมแสดงว่าจำเลยไม่ถือเอาประโยชน์แห่งเงื่อนเวลานั้นแล้ว เงื่อนเวลาจึงไม่เป็นข้อต่อสู้ที่จำเลยทั้งสองจะอ้างได้ต่อไป
จำเลยชำระค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ไม่ครบ ต่อมาจำเลยได้นำค่าฤชาธรรมเนียมที่ยังขาดอยู่มาวางศาลตามคำสั่งศาลแล้วดังนี้ การที่ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลยจึงชอบแล้ว
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์เป็นค่าสินจ้างตามสัญญาจ้างทำของแต่เห็นว่าโจทก์ส่งมอบงานล่าช้า จำเลยมีสิทธิปรับโจทก์ตามสัญญา จึงให้หักกลบลบหนี้ออกจากค่าสินจ้างที่จำเลยจะต้องรับผิดต่อโจทก์ คู่ความมิได้อุทธรณ์ว่าจำเลยไม่มีสิทธิที่จะหักกลบลบหนี้แต่อย่างใด ดังนี้ ข้อที่ว่าจำเลยมีสิทธิหักกลบลบหนี้หรือไม่จึงไม่เป็นประเด็นมาสู่ศาลอุทธรณ์ การที่ศาลอุทธรณ์หยิบยกข้อปัญหาดังกล่าวขึ้นวินิจฉัยจึงเป็นการไม่ชอบกรณีเป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบ ร้อยของประชาชน ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยเองได้ โดยให้กรณีต้องถือยุติไปตามคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นว่า จำเลยทั้งสองมีสิทธิหักกลบลบหนี้ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองจ้างเหมาโจทก์ให้ติดตั้งเครื่องปรับอากาศโจทก์ได้ปฏิบัติตามสัญญาครบถ้วนแล้ว แต่จำเลยไม่ยอมชำระค่าจ้างงวดที่ ๔ และ ๕ รวมเป็นเงิน ๔๑๐,๐๐๐ บาท ขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน ๔๑๐,๐๐๐ บาทแก่โจทก์พร้อมกับดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยทั้งสองให้การว่า โจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาเพราะส่งมอบงานล่าช้า…..ต้องชดใช้ค่าเสียหายที่ส่งมอบงานล่าช้าให้จำเลยโจทก์ไม่มีสิทธิฟ้อง เรียกเงินค่าจ้างงวดที่ ๕ เนื่องจากยังไม่เกิดสิทธิเรียกร้อง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองชำระเงินจำนวน ๔๐๔,๐๐๐ บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสองชำระเงิน ๑๑๕,๐๐๐บาทพร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ แต่ค่าขึ้นศาลในศาลชั้นต้นให้จำเลยทั้งสองใช้แทนเท่าที่โจทก์ชนะคดี นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์ได้ส่งมอบงานที่เรียบร้อยบริบูรณ์ให้แก่จำเลยที่ ๑ ในวันที่ ๒๙ มิถุนายน ๒๕๐๗ ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่จำเลยที่ ๑ ได้ส่งมอบงานให้แก่กองทัพอากาศ การที่โจทก์ได้ส่งมอบเครื่องปรับอากาศให้แก่จำเลยที่ ๑ อันเป็นการปฏิบัติตามสัญญาแล้ว โจทก์ชอบที่จะเรียกให้จำเลยที่ ๑ ชำระสินจ้างงวดที่ ๕จำนวน ๒๙๕,๐๐๐ บาทแก่โจทก์ได้ แม้ข้อเท็จจริงจะปรากฏว่า ตามสัญญาจ้างเหมาติดตั้งเครื่องปรับอากาศเอกสารหมาย ล.๒ ข้อ ๓ งวดที่ ๕จำเลยที่ ๑ จะต้องจ่ายเงินค่าสินจ้างงวดที่ ๕ จำนวน ๒๙๕,๐๐๐ บาทให้แก่โจทก์ภายหลังจากที่ได้ส่งมอบงานแล้ว ๑ เดือน คือตั้งแต่วันที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๒๗ เป็นต้นไป แต่โจทก์นำคดีมาฟ้องเมื่อวันที่๓ กรกฎาคม ๒๕๒๗ ยังไม่พ้นกำหนด ๑ เดือนตามสัญญาก็ตาม เมื่อจำเลยให้การว่าจำเลยไม่ต้องรับผิดชำระเงินตามสัญญางวดที่ ๔และที่ ๕ จำนวน ๔๑๐,๐๐๐ บาท ที่ค้างชำระ เพราะโจทก์ผิดสัญญาที่ส่งมอบงานล่าช้ากว่ากำหนดทำให้จำเลยต้องเสียหาย มีสิทธิหักเงินที่จะต้องชำระแก่โจทก์เป็นค่าเสียหาย ดังนี้ เป็นการแสดงว่าจำเลยปฏิเสธหนี้ตามฟ้อง ถือได้ว่าจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ได้สละประโยชน์แห่งเงื่อนเวลานั้นแล้วเงื่อนเวลาจึงไม่เป็นข้อต่อสู้ที่จำเลยทั้งสองจะนำมาอ้างได้ต่อไป โจทก์ย่อมฟ้องบังคับให้จำเลยชำระหนี้ได้โดยไม่ต้องรอให้ครบกำหนดตามเงื่อนเวลาดังกล่าวก่อน
ส่วนที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองรับผิดชำระเงินแก่โจทก์ แต่เห็นว่าโจทก์ส่งมอบงานล่าช้า จำเลยที่ ๑ มีสิทธิปรับโจทก์ตามสัญญาและให้หักกลบลบหนี้ออกจากค่าสินจ้างที่จำเลยทั้งสองจะต้องรับผิดแก่โจทก์ ปรากฏว่าคู่ความมิได้อุทธรณ์ว่าจำเลยไม่มีสิทธิหักกลบลบหนี้ข้อที่ว่าจำเลยทั้งสองมีสิทธิหักกลบลบหนี้หรือไม่ จึงไม่เป็นประเด็นขึ้นมาสู่ศาลอุทธรณ์ การที่ศาลอุทธรณ์หยิบยกปัญหานี้ขึ้นมาพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า จำเลยทั้งสองไม่มีสิทธิที่จะหักกลบลบหนี้แก่โจทก์จึงเป็นการไม่ชอบ แม้ว่าปัญหานี้จำเลยทั้งสองจะมิได้ฎีกาไว้ก็ตาม แต่ก็เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยเองได้ ทั้งนั้นกรณีต้องถือเป็นยุติตามคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นว่าโจทก์ติดตั้งเครื่องปรับอากาศตามสัญญาจ้างแล้วส่งมอบงานให้จำเลยที่ ๑ ล่าช้า จำเลยที่ ๑ มีสิทธิปรับโจทก์เป็นรายวัน วันละ ๓๐๐ บาท รวมเป็นเบี้ยปรับในกรณีที่ส่งมอบงานล่าช้า เป็นเวลา ๒๐ วัน เป็นเงิน ๖,๐๐๐ บาท ซึ่งเป็นหนี้ที่มีวัตถุประสงค์เป็นอย่างเดียวกับมูลหนี้ที่โจทก์เรียกร้องและถึงกำหนดชำระแล้ว จำเลยชอบที่จะขอหลุดพ้นจากหนี้ของตนด้วยการขอหักกลบลบหนี้ได้โดยไม่จำต้องฟ้องแย้งเข้ามาก่อน เมื่อหักกลบลบหนี้แล้ว จำเลยที่ ๑ ต้องชำระค่าจ้างงวดที่ ๔ และงวดที่ ๕ ให้โจทก์เป็นเงิน๔๐๔,๐๐๐ บาท ซึ่งจำเลยที่ ๑ มีหน้าที่ชำระให้โจทก์และจำเลยที่ ๒ในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ ๑ ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ ๑ ด้วย
พิพากษาแก้ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น.