แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
โจทก์ส่งมอบเครื่องคอมพิวเตอร์ให้แก่จำเลยตามสัญญาซื้อขาย จำเลยรับสิ่งของไว้แล้วแต่ยังไม่ตั้งคณะกรรมการตรวจรับเพราะยังไม่สามารถทดสอบเครื่องคอมพิวเตอร์ได้เนื่องจากยังไม่มีการติดตั้งระบบสัญญาณและระบบไฟฟ้าให้เรียบร้อยซึ่งถ้าพิจารณาเฉพาะข้อความตามสัญญาซื้อขายแล้วจะเห็นว่าโจทก์จะต้องรับผิดชอบในการส่งมอบเครื่องคอมพิวเตอร์และติดตั้งให้แล้วเสร็จจนกว่าจะใช้งานได้รวมถึงการติดตั้งระบบสายสัญญาณและระบบไฟฟ้าจนกว่าจะทดลองเครื่องคอมพิวเตอร์จนใช้งานได้ด้วย แต่ต่อมาจำเลยได้ทำหนังสือจ้างโจทก์ให้ติดตั้งระบบสายสัญญาณและสายไฟฟ้าสำหรับติดตั้งเครื่องคอมพิวเตอร์ จึงทำให้เห็นเจตนารมณ์ที่แท้จริงของคู่สัญญาได้ว่า ตามสัญญาซื้อขายนั้นมีความหมายเพียงโจทก์จะต้องส่งมอบเครื่องคอมพิวเตอร์แล้วนำมาติดตั้งคือการมาตั้งเครื่องและเชื่อมโยงต่อเครื่องเข้ากับระบบสายสัญญาณและสายไฟฟ้าที่ฝ่ายจำเลยจะต้องทำเตรียมไว้ให้พร้อม ซึ่งโจทก์และจำเลยเคยทำสัญญาซื้อขายให้ติดตั้งเครื่องคอมพิวเตอร์ในลักษณะเช่นเดียวกับสัญญาในคดีนี้ โดยจำเลยต้องว่าจ้างโจทก์ให้ติดตั้งระบบสัญญาณและระบบไฟฟ้า เมื่อโจทก์ส่งมอบแล้วติดตั้งให้ทดลองล่าช้าจำเลยก็มิได้ปรับโจทก์แต่ประการใดจึงทำให้เห็นเจตนารมณ์ของคู่สัญญาได้ชัดเจนขึ้นว่ามีการทำสัญญาซื้อขายโดยไม่ได้รวมถึงการติดตั้งระบบสัญญาณและระบบไฟฟ้าเมื่อโจทก์ได้ส่งมอบเครื่องคอมพิวเตอร์ภายในกำหนดสัญญาจึงมิใช่เป็นฝ่ายผิดสัญญา จำเลยจึงมิอาจหักค่าปรับตามสัญญาซื้อขาย
แม้จำเลยไม่มีสิทธิตามกฎหมายที่จะปรับได้ แต่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยปรับได้บางส่วน โจทก์ไม่อุทธรณ์ประเด็นนี้จึงเป็นอันยุติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โจทก์ไม่อาจฎีกาได้อีก
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยคืนเงินจำนวน 2,395,800 บาทและค่าเสียหายเท่ากับอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 2,395,800 บาท นับแต่วันที่ 26 มกราคม 2536 จนกว่าจะชำระเสร็จ คิดค่าดอกเบี้ยถึงวันฟ้องเป็นค่าเสียหาย 1,242,616.13 บาท
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 2,095,800 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 27 พฤษภาคม 2536จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระเงินจำนวน910,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่27 พฤษภาคม 2536 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
โจทก์และจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงยุติตามที่คู่ความนำสืบรับกันได้ว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2535 จำเลยได้ประกาศประกวดราคาซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์จำนวน 1 ระบบ โจทก์ได้เข้าเสนอราคาและจำเลยได้สนองรับราคาเป็นเงิน 9,900,000 บาท ต่อมามีการลงชื่อในสัญญาเมื่อวันที่ 29เมษายน 2536 โดยลงวันที่ย้อนหลังในสัญญาเป็นวันที่ 29 กันยายน2535 โจทก์ส่งมอบเครื่องคอมพิวเตอร์ตามสัญญาให้จำเลยแล้วและจำเลยชำระเงินค่าซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์ให้แก่โจทก์ 7,504,200บาท คงหักค่าปรับไว้เป็นเงิน 2,395,800 บาท มีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์และจำเลยว่า จำเลยมีสิทธิจะหักค่าปรับตามสัญญาซื้อขายหรือไม่ เพียงใด โจทก์มีนายสันติ สุรรัตน์ ผู้รับมอบอำนาจโจทก์เบิกความเป็นพยานว่า โจทก์ได้ตกลงทำสัญญาขายเครื่องคอมพิวเตอร์ซึ่งประกอบด้วยตัวเครื่องเรียกว่าฮาร์ดแวร์กับตัวโปรแกรมที่สั่งให้ตัวเครื่องทำงานเรียกว่า ซอฟแวร์ โดยกำหนดส่งมอบกันภายใน 120 วัน นับแต่วันที่ 30 กันยายน 2535 ซึ่งวันครบกำหนดคือวันที่ 28 มกราคม 2536 และตามสัญญาที่ตกลงกัน จำเลยจะต้องเป็นผู้เตรียมระบบสายสัญญาณและไฟฟ้าให้พร้อมต่อมาวันที่ 18มกราคม 2536 โจทก์มีหนังสือถึงจำเลย ขอส่งมอบเครื่องคอมพิวเตอร์ให้แก่จำเลยในวันที่ 26 มกราคม 2536 ต่อมาวันที่ 25 มกราคม 2536โจทก์ได้ส่งมอบของให้จำเลยครบถ้วนแล้ว โดยจำเลยมิได้ทักท้วงแต่ประการใดในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2536 โจทก์ได้ดำเนินการติดตั้งให้แล้วเสร็จ แต่จำเลยยังไม่ยอมตรวจรับอ้างว่ายังไม่ได้เดินสายสัญญาณในการต่อเชื่อมระบบอุปกรณ์ ต่อมาโจทก์ได้เร่งรัดให้จำเลยตรวจรับโดยเร็ว จำเลยจึงให้โจทก์เสนอราคาค่าติดตั้งสายสัญญาณและระบบไฟฟ้าให้เรียบร้อย ดังนั้น ในวันที่ 3 มีนาคม2536 โจทก์จึงเสนอราคาไปยังจำเลย และจำเลยตกลงทำสัญญาจ้างโจทก์ในราคา 963,000 บาท โจทก์ได้ติดตั้งระบบสัญญาณและสายไฟฟ้าแล้วเสร็จวันที่ 18 พฤษภาคม 2536 และส่งมอบให้แก่จำเลยแล้ว ส่วนจำเลยมีนางสาวณัติธิรา เกิดสมบุญ ซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยเบิกความว่าจำเลยได้ทำสัญญาซื้อขายเครื่องคอมพิวเตอร์จากโจทก์จริงตามฟ้องหากผิดนัดจะถูกปรับเป็นรายวันร้อยละ 0.2 ของราคาสิ่งของที่ยังไม่ได้รับมอบ นับแต่วันที่ครบกำหนดส่งมอบจนถึงวันที่ผู้ขายนำมาส่งมอบวันครบกำหนดส่งมอบวันที่ 27 มกราคม 2536 แต่โจทก์ได้ส่งมอบเครื่องคอมพิวเตอร์และติดสัญญาณรวมทั้งสายไฟฟ้าแล้วเสร็จวันที่ 27 พฤษภาคม2536 ซึ่งเกินกำหนดไป 121 วัน คิดเป็นเงินค่าปรับทั้งสิ้นจำนวน 2,395,800 บาท เห็นว่า ตามสัญญาซื้อขายข้อ 1 ระบุว่าตกลงซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์ ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ของดิจิตอล(DIGITAL) รุ่น เดค (DEC System) 5900 จำนวน 1 ระบบ เป็นราคาคอมพิวเตอร์และค่าติดตั้งจำนวน 9,252,337 บาท และภาษีมูลค่าเพิ่มจำนวน 647,633 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 9,900,000 บาท และข้อ 4ได้ระบุว่า การส่งมอบผู้ขายจะติดตั้งคอมพิวเตอร์ที่ซื้อขายตามสัญญานี้ให้ถูกต้องและครบถ้วนตามที่กำหนดไว้ในข้อ 1 แห่งสัญญานี้ให้พร้อมที่จะใช้งานได้ตามรายละเอียดการทดสอบให้แก่ผู้ซื้อ และส่งมอบให้แก่ผู้ซื้อภายในวันที่ 26 มกราคม 2536 ตามข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติว่าโจทก์ส่งมอบเครื่องคอมพิวเตอร์ให้แก่จำเลยในวันที่ 25 มกราคม 2536ครบถ้วนแล้ว จำเลยรับสิ่งของไว้แล้วแต่ยังไม่ตั้งคณะกรรมการตรวจรับเพราะยังไม่สามารถทดสอบเครื่องคอมพิวเตอร์ได้เนื่องจากยังไม่มีการติดตั้งระบบสัญญาณและระบบไฟฟ้าให้เรียบร้อยซึ่งถ้าพิจารณาเฉพาะข้อความตามสัญญาซื้อขายแล้ว จะเห็นว่าโจทก์จะต้องรับผิดชอบในการส่งมอบเครื่องคอมพิวเตอร์และติดตั้งให้แล้วเสร็จจนกว่าจะใช้งานได้กล่าวคือน่าจะหมายความรวมถึงการติดตั้งระบบสายสัญญาณและระบบไฟฟ้าจนกว่าจะทดลองเครื่องคอมพิวเตอร์จนใช้งานได้ด้วย แต่เมื่อพิจารณาถึงทางนำสืบของคู่ความว่าต่อมาจำเลยได้มีการทำหนังสือจ้างโจทก์ให้ติดตั้งระบบสายสัญญาณและสายไฟฟ้าสำหรับติดตั้งเครื่องคอมพิวเตอร์ในราคา 963,000 บาท จึงทำให้เห็นเจตนารมณ์ที่แท้จริงของคู่สัญญาได้ว่า ตามสัญญาซื้อขายนั้นมีความหมายเพียงโจทก์จะต้องส่งมอบเครื่องคอมพิวเตอร์แล้วนำมาติดตั้งคือการมาตั้งเครื่องและเชื่อมโยงต่อเครื่องเข้ากับระบบสายสัญญาณและสายไฟฟ้าที่ฝ่ายจำเลยจะต้องทำเตรียมไว้ให้พร้อม เมื่อโจทก์ส่งมอบเครื่องคอมพิวเตอร์ในตอนแรกภายในกำหนดสัญญาคือวันที่ 25 มกราคม2536 จำเลยก็มิได้โต้แย้งคัดค้านไว้เป็นลายลักษณ์อักษรแต่ประการใดกลับยอมทำสัญญาจ้างโจทก์ติดตั้งระบบสัญญาณและระบบไฟฟ้าอีกฉบับหนึ่งต่างหาก และเมื่อพิจารณาประกอบกับคำเบิกความของนายพลชัย วินิจฉัยกุล ซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยซึ่งเบิกความเป็นพยานว่า ก่อนเกิดเหตุคดีนี้โจทก์และจำเลยเคยทำสัญญาซื้อขายให้ติดตั้งเครื่องคอมพิวเตอร์ในลักษณะเช่นเดียวกับสัญญาคดีนี้ ซึ่งตามสัญญานั้นก็มิได้หมายความรวมถึงการติดตั้งระบบสัญญาณและสายไฟฟ้าจึงต้องว่าจ้างโจทก์ให้ติดตั้งระบบสัญญาณและสายไฟฟ้า เมื่อโจทก์ส่งมอบแล้วติดตั้งให้ทดลองล่าช้าจึงมิใช่ความผิดของโจทก์ ฝ่ายจำเลยก็มิได้ปรับโจทก์ตามสัญญาแต่ประการใด จึงทำให้เห็นเจตนารมณ์ของคู่สัญญาได้ชัดเจนขึ้นว่ามีการทำสัญญาซื้อขายเครื่องคอมพิวเตอร์กันโดยไม่ได้รวมถึงการติดตั้งระบบสัญญาณและสายไฟฟ้า เมื่อจำเลยมีหน้าที่ต้องทำระบบสัญญาณและสายไฟฟ้าเพื่อให้โจทก์นำเครื่องคอมพิวเตอร์มาติดตั้งแล้วจำเลยไม่กระทำให้เรียบร้อย โจทก์จึงไม่สามารถติดตั้งเครื่องคอมพิวเตอร์ได้ จึงเป็นความผิดของจำเลยเองที่ไม่เตรียมพร้อมรับมอบเครื่องคอมพิวเตอร์ตามสัญญาซื้อขาย เมื่อโจทก์ได้ส่งมอบเครื่องคอมพิวเตอร์ภายในกำหนดสัญญาคือก่อนวันที่ 26 มกราคม 2536 แล้วโจทก์จึงมิใช่เป็นฝ่ายผิดสัญญา การที่โจทก์และจำเลยมาทำสัญญาว่าจ้างให้ติดตั้งระบบสัญญาณและสายไฟฟ้า รวมทั้งมีการทำสัญญาย้อนหลังไปนั้นล้วนเป็นวิธีการแก้ไขปัญหาที่จำเลยไม่อาจรับมอบเครื่องคอมพิวเตอร์จากโจทก์และแก้ไขปัญหาในการเบิกจ่ายเงินตามระเบียบให้ถูกต้องเท่านั้น เมื่อโจทก์มิได้เป็นฝ่ายผิดสัญญาซื้อขาย จำเลยจึงมิอาจหักค่าปรับตามสัญญาดังกล่าวได้ ตามที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้จำเลยมีสิทธิหักค่าปรับตามสัญญาได้นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วยแต่เนื่องจากโจทก์พอใจในคำพิพากษาของศาลชั้นต้นที่พิพากษาให้จำเลยหักค่าปรับไว้ได้เป็นเงิน 300,000 บาท และไม่อุทธรณ์ ในประเด็นนี้จึงเป็นอันยุติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น และไม่อาจฎีกาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคแรก ศาลฎีกาจึงไม่วินิจฉัยให้ ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น ส่วนฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น