แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ผู้ร้องใช้สิทธิทางศาลยื่นคำร้องขอให้มีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องเลิกจ้างผู้คัดค้านทั้งแปด อ้างว่าผู้คัดค้านทั้งแปดกระทำความผิดที่สมควรจะเลิกจ้างเป็นการเสนอคดีฝ่ายเดียว ผู้ร้องต้องนำพยานหลักฐานมาแสดงให้เห็นว่ามีเหตุตามที่กล่าวอ้างจริงและเป็นเหตุที่สมควรจะอนุญาตให้ผู้ร้องเลิกจ้างผู้คัดค้านทั้งแปดได้ เว้นแต่ผู้คัดค้านทั้งแปดยอมรับในข้อเท็จจริงใด ศาลก็อาจรับฟังข้อเท็จจริงนั้นโดยผู้ร้องไม่ต้องนำพยานหลักฐานมาแสดง ผู้คัดค้านทั้งแปดจะยื่นคำคัดค้านเข้ามาหรือไม่ก็ได้ และไม่ใช่คำให้การ ไม่อยู่ในบังคับแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสองที่จะต้องแสดงโดยชัดแจ้งว่ายอมรับหรือปฏิเสธข้ออ้างของผู้ร้องรวมทั้งเหตุแห่งการยอมรับหรือปฏิเสธ มิฉะนั้นจะทำให้คดีไม่เกิดประเด็นข้อพิพาทและผู้คัดค้านทั้งแปดไม่มีสิทธินำพยานเข้าสืบเพราะต้องฟังข้อเท็จจริงตามคำร้อง หลังจากผู้คัดค้านทั้งแปดยื่นคำคัดค้าน ศาลแรงงานกลางกำหนดประเด็นข้อพิพาทโดยให้ผู้ร้องนำพยานเข้าสืบก่อน แล้วให้ผู้คัดค้านทั้งแปดสืบแก้ แสดงว่าศาลแรงงานกลางเห็นว่า ผู้คัดค้านทั้งแปดมิได้ยอมรับว่ามีเหตุตามที่ผู้ร้องกล่าวอ้างเกิดขึ้น ผู้คัดค้านทั้งแปดมีสิทธินำพยานเข้าสืบและศาลแรงงานกลางนำพยานหลักฐานของผู้คัดค้านทั้งแปดมาใช้ประกอบการวินิจฉัยได้
ย่อยาว
คดีทั้งแปดสำนวน ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งให้รวมพิจารณากับคดีหมายเลขดำที่ 6493/2541 ของศาลแรงงานกลาง ซึ่งผู้ร้องขอถอนคำร้องไปแล้ว โดยเรียกผู้คัดค้านทั้งแปดสำนวนนี้ว่า ผู้คัดค้านที่ 1ถึงที่ 6 และผู้คัดค้านที่ 8 ที่ 9 ตามลำดับ
ผู้ร้องทั้งแปดสำนวนยื่นคำร้องเป็นใจความทำนองเดียวกันว่าผู้ร้องเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด ผู้คัดค้านทั้งแปดเป็นลูกจ้างและเป็นกรรมการลูกจ้างในสถานประกอบการของผู้ร้อง ทั้งผู้คัดค้านที่ 1 ถึงที่ 6 กับผู้คัดค้านที่ 8 เป็นกรรมการผู้คัดค้านที่ 9 เป็นสมาชิกของสหภาพแรงงานซี เค แห่งประเทศไทย ในบริษัทผู้ร้องเมื่อวันที่ 4 ถึง 9 กุมภาพันธ์ 2541 ผู้คัดค้านทั้งแปดได้ร่วมกันออกแถลงการณ์และคำชี้แจงในนามสหภาพแรงงาน ซี เค แห่งประเทศไทย แล้วร่วมกันนำไปแจกจ่ายปิดประกาศให้ลูกจ้างอื่นในบริษัทผู้ร้องและบุคคลภายนอกได้รับทราบโดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้ร้องรวม 3 ฉบับ มีข้อความเป็นการใส่ความผู้ร้องและผู้บังคับบัญชาโดยไม่เป็นความจริง ดูหมิ่นเสียดสี ก้าวร้าว ข่มขู่ เหยียดหยามผู้ร้องผู้เป็นนายจ้างและผู้บังคับบัญชา และกล่าวหาผู้ร้องว่ามีพฤติการณ์ในทางร้าย กลั่นแกล้ง ต้องการให้พนักงานแตกความสามัคคี พยายามทำให้สหภาพแรงงานซึ่งเป็นองค์กรของลูกจ้างเลิกไปตามเอกสารท้ายคำร้อง ทำให้ลูกจ้างและผู้อ่านข้อความรู้สึกว่าผู้ร้องปฏิบัติตนไม่ดี ไม่ถูกต้อง และไม่มีคุณธรรมก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ร้อง การกระทำของผู้คัดค้านทั้งแปดไม่ได้เป็นการแสดงความเห็นโดยสุจริตเพื่อความชอบธรรม ป้องกันตนเอง หรือป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามทำนองคลองธรรมแต่ทำให้พนักงานของผู้ร้องขาดความยำเกรง เป็นการยุยงส่งเสริมให้พนักงานกระด้างกระเดื่องต่อผู้ร้องและผู้บังคับบัญชา ก่อให้เกิดความแตกแยกระหว่างผู้ร้องกับพนักงานอันจะส่งผลเสียหายแก่ผู้ร้องและพนักงาน เป็นการกระทำตนเป็นปฏิปักษ์ต่อผู้ร้อง จงใจทำให้ผู้ร้องได้รับความเสียหาย กระทำผิดอาญาโดยเจตนาต่อผู้ร้องและเป็นการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานหรือคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมายของผู้ร้องเป็นกรณีร้ายแรง ขอให้มีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องเลิกจ้างผู้คัดค้านทั้งแปด โดยให้มีผลเป็นการเลิกจ้างตั้งแต่วันยื่นคำร้อง
ผู้คัดค้านทั้งแปดสำนวนยื่นคำคัดค้านว่า คำร้องของผู้ร้องเคลือบคลุมเพราะไม่ได้ระบุว่าข้อความตอนใดเป็นการใส่ความผู้ร้องและความจริงเป็นอย่างไร ทำให้ผู้คัดค้านทั้งแปดไม่อาจเข้าใจข้อหาและยกข้อต่อสู้ได้ทั้งข้อความในคำร้องก็ไม่ได้เป็นการจงใจทำให้ผู้ร้องเสียหาย ไม่เป็นการกระทำผิดอาญาโดยเจตนาต่อผู้ร้อง และไม่ได้เป็นการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานหรือคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมายของผู้ร้องเป็นกรณีร้ายแรงเพราะข้อความตามคำร้องของผู้ร้องไม่ว่าส่วนใด ๆ ไม่เป็นการหมิ่นประมาทหรือใส่ความผู้ร้อง ไม่ทำให้ผู้ร้องถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชังข้อความดังกล่าวเป็นเพียงการคาดคะเนหรือเป็นเพียงคำขู่ คำแดกดัน คำไม่สุภาพหรือก้าวร้าวหรือประชดประชัน ความไม่พอใจ อันเนื่องมาจากการเจรจาข้อเรียกร้องของสหภาพแรงงานซี เค แห่งประเทศไทย ซึ่งผู้คัดค้านทั้งแปดเป็นสมาชิกและกรรมการเท่านั้น ไม่มีความหมายอันจะเป็นการดูหมิ่นผู้ร้องไม่เพียงพอที่ทำให้ผู้ร้องได้รับความอับอายหรือเดือดร้อนรำคาญแต่อย่างใด และผู้คัดค้านทั้งแปดไม่ได้ทำและนำคำแถลงการณ์และคำชี้แจงตามเอกสารท้ายคำร้องไปแจกจ่ายปิดประกาศให้ลูกจ้างอื่นในบริษัทผู้ร้องทราบ แต่ผู้ร้องเป็นผู้จัดทำขึ้นเองทั้งหมดโดยใช้สิทธิไม่สุจริต ขอให้ยกคำร้อง
ระหว่างการสืบพยานผู้ร้อง ผู้คัดค้านทั้งแปดแถลงรับว่า วันที่ 6กุมภาพันธ์ 2541 ตั้งแต่เวลาประมาณ 17 นาฬิกาเป็นต้นไป พนักงานของผู้ร้องได้ชุมนุมประท้วงอยู่ที่ทางเข้าออกโรงงาน โดยผู้คัดค้านทั้งแปดอยู่ในที่ชุมนุมและแจกเอกสารในวันดังกล่าวด้วย กับนายดาบตำรวจวรวุฒิเหลืองสะอาดตา เจ้าพนักงานตำรวจสถานีตำรวจภูธรตำบลสำโรงเหนืออยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าวจริง
ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า คำร้องของผู้ร้องไม่เคลือบคลุมผู้คัดค้านทั้งแปดเป็นลูกจ้างของผู้ร้องและเป็นกรรมการลูกจ้าง ทั้งเป็นสมาชิกสหภาพแรงงานซี เค แห่งประเทศไทย องค์กรลูกจ้างในบริษัทผู้ร้องซึ่งมีผู้คัดค้านที่ 1 เป็นประธานก่อนเกิดเหตุสหภาพแรงงานดังกล่าวได้ยื่นข้อเรียกร้องขอเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างต่อผู้ร้อง แต่ยังตกลงกันไม่ได้ นัดเจรจาข้อเรียกร้องในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2541 ระหว่างวันที่ 4ถึง 6 กุมภาพันธ์ 2541 ลูกจ้างผู้ร้องได้นัดชุมนุมกันที่บริเวณหน้าโรงงานการชุมนุมในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2541 มีขึ้นตั้งแต่เวลาประมาณ 17 นาฬิกาโดยผู้คัดค้านทั้งแปดอยู่ในที่ชุมนุมและได้แจกเอกสาร ผู้ร้องกล่าวอ้างว่าผู้คัดค้านทั้งแปดกระทำความผิดโดยจัดทำและแจกคำแถลงการณ์และคำชี้แจงที่มีข้อความดูหมิ่นเสียดสีก้าวร้าว ฯลฯ ผู้ร้องซึ่งเป็นนายจ้างตามเอกสารหมาย ร.6 ถึง ร.8 ผู้ร้องต้องนำสืบให้ได้ความชัดเจนว่าผู้คัดค้านทั้งแปดเป็นผู้จัดทำและแจกเอกสารดังกล่าวแต่นายเชิดชัยสุขประสาธน์ และนายสมคิด สุขประเสริฐ พยานที่ผู้ร้องนำสืบเพียงแต่เบิกความว่าผู้คัดค้านทั้งแปดแจกคำแถลงการณ์และคำชี้แจงในที่ชุมนุมเท่านั้น ไม่ได้ยืนยันว่าคำแถลงการณ์และคำชี้แจงที่ผู้คัดค้านทั้งแปดแจกเป็นเอกสารหมาย ร.6 ถึง ร.8 ทั้งนายเชิดชัยกับนายสมคิดก็เพียงแต่ได้รับทราบข้อเท็จจริงว่ามีการแจกเอกสารมาจากบุคคลอื่น ไม่ได้เห็นเหตุการณ์ด้วยตนเอง จึงเป็นพยานบอกเล่ารับฟังไม่ได้สำหรับนายดาบตำรวจวรวุฒิ เหลืองสะอาดตา พยานผู้ร้องอีกปากก็ได้รับเอกสารหมาย ร.6 และ ร.8 มาจากนายดาบตำรวจชัยรัตน์ เซ็งมาซึ่งผู้ร้องไม่ได้นำมาเบิกความยืนยันว่าได้รับแจกมาจากผู้คัดค้านทั้งแปดและนายดาบตำรวจวรวุฒิมิได้เห็นเหตุการณ์ขณะนายดาบตำรวจชัยรัตน์ได้รับแจกเอกสารดังกล่าว ส่วนเอกสารหมาย ร.7 ที่นายดาบตำรวจวรวุฒิอ้างว่าได้รับแจกมาจากพนักงานของผู้ร้อง นายดาบตำรวจวรวุฒิก็มิได้ยืนยันว่าพนักงานดังกล่าวคือผู้คัดค้านทั้งแปด แม้ผู้คัดค้านทั้งแปดจะแถลงรับข้อเท็จจริงว่ามีการแจกเอกสาร แต่ก็โต้แย้งว่ามิได้กระทำความผิด เพราะไม่ได้ร่วมกันจัดทำ แจกคำแถลงการณ์และคำชี้แจงตามเอกสารหมาย ร.6 ถึง ร.8 ไม่อาจนำมารับฟังสนับสนุนพยานผู้ร้องให้มีน้ำหนัก ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าผู้คัดค้านทั้งแปดร่วมกันจัดทำและแจกคำแถลงการณ์และคำชี้แจงเอกสารหมาย ร.6 ถึง ร.8 ตามคำร้องจึงไม่มีเหตุที่ผู้ร้องจะเลิกจ้างผู้คัดค้านทั้งแปด พิพากษายกคำร้อง
ผู้ร้องทั้งแปดสำนวนอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า “ผู้ร้องอุทธรณ์ว่า คำคัดค้านของผู้คัดค้านทั้งแปดขัดแย้งกัน ไม่ชัดแจ้งว่าปฏิเสธหรือยอมรับว่าเป็นผู้จัดทำคำแถลงการณ์และคำชี้แจงตามเอกสารหมาย ร.6 ถึง ร.8ไม่ก่อให้เกิดประเด็นข้อพิพาท ไม่มีประเด็นที่ผู้คัดค้านทั้งแปดจะนำพยานเข้าสืบ ไม่อาจนำพยานของผู้คัดค้านทั้งแปดมารับฟังได้ข้อเท็จจริงต้องรับฟังตามคำร้องของผู้ร้อง การที่ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยคดีโดยฟังข้อเท็จจริงว่า แม้ผู้คัดค้านทั้งแปดจะแถลงรับว่ามีการแจกเอกสารแต่ก็โต้แย้งว่ามิได้กระทำความผิด เพราะมิได้ร่วมกันจัดทำและแจกคำแถลงการณ์กับคำชี้แจงเอกสารหมาย ร.6 ถึง ร.8 ตามคำร้องจึงเป็นการรับฟังข้อเท็จจริงและวินิจฉัยคดีที่ไม่ชอบ นอกจากนี้ผู้คัดค้านทั้งแปดแถลงรับข้อเท็จจริงว่าวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2541 เวลาประมาณ17 นาฬิกา พนักงานของผู้ร้องได้ชุมนุมประท้วงกันอยู่ที่ทางเข้าออกโรงงาน โดยผู้คัดค้านทั้งแปดอยู่ในที่ชุมนุมและได้แจกเอกสาร และนายดาบตำรวจวรวุฒิอยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าว ข้อเท็จจริงจึงต้องรับฟังเป็นยุติว่าผู้คัดค้านทั้งแปดอยู่ในที่ชุมนุมและแจกเอกสาร โดยผู้ร้องไม่ต้องสืบพยานในข้อเท็จจริงนี้ เพราะไม่ใช่คดีอาญา จึงมีปัญหาที่ศาลแรงงานกลางจะต้องวินิจฉัยเฉพาะข้อที่ผู้ร้องและผู้คัดค้านทั้งแปดยังโต้เถียงกันอยู่แต่เพียงว่า เอกสารที่ผู้คัดค้านทั้งแปดแจกนั้นคือเอกสารหมาย ร.6 ถึงร.8 หรือเอกสารหมาย ค.1 ถึง ค.3 เมื่อศาลแรงงานกลางฟังว่านายดาบตำรวจวรวุฒิซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ชุมนุมได้รับเอกสารหมาย ร.7มาจากที่ชุมนุม และเอกสารดังกล่าวระบุว่าเป็นคำแถลงการณ์ของสหภาพแรงงานซี เค แห่งประเทศไทย โดยผู้คัดค้านทั้งแปดเป็นผู้จัดทำและแจกจ่าย การที่ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่าข้อเท็จจริงรับฟังไม่ได้ว่าผู้คัดค้านทั้งแปดร่วมกันจัดทำและแจกคำแถลงการณ์กับคำชี้แจงเอกสารหมาย ร.6 ถึง ร.8 ตามคำร้อง จึงเป็นการวินิจฉัยคดีที่ขัดต่อพยานหลักฐานในสำนวน ผู้คัดค้านทั้งแปดต้องร่วมกันรับผิดตามเอกสารหมาย ร.7 ซึ่งมีข้อความดูหมิ่น เหยียดหยามและกล่าวหาผู้ร้องว่ามีพฤติการณ์ในทางร้าย กลั่นแกล้ง ต้องการให้พนักงานแตกความสามัคคี พยายามทำให้สหภาพแรงงานเลิกไปอันก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ร้อง จึงเป็นการจงใจทำให้ผู้ร้องได้รับความเสียหาย เห็นว่า คดีนี้เป็นคดีที่ผู้ร้องใช้สิทธิทางศาลยื่นคำร้องขอให้มีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องเลิกจ้างผู้คัดค้านทั้งแปดอ้างว่าผู้คัดค้านทั้งแปดกระทำความผิดที่สมควรจะเลิกจ้าง อันเป็นการเสนอคดีฝ่ายเดียวซึ่งผู้ร้องจะต้องนำพยานหลักฐานมาแสดงให้ศาลเห็นว่ามีเหตุตามที่ผู้ร้องกล่าวอ้างเกิดขึ้นจริงและเหตุนั้นเป็นเหตุที่สมควรจะอนุญาตให้ผู้ร้องเลิกจ้างผู้คัดค้านทั้งแปดได้ เว้นเสียแต่ว่าผู้คัดค้านทั้งแปดยอมรับในข้อเท็จจริงใด ศาลอาจรับฟังข้อเท็จจริงนั้น โดยผู้ร้องไม่ต้องนำพยานหลักฐานมาแสดง แต่ทั้งนี้ผู้คัดค้านทั้งแปดจะยื่นคำคัดค้านเข้ามาหรือไม่ก็ได้และคำคัดค้านของผู้คัดค้านทั้งแปดไม่ใช่คำให้การไม่อยู่ในบังคับแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177วรรคสอง ที่ว่า จะต้องแสดงโดยชัดแจ้งว่ายอมรับหรือปฏิเสธข้ออ้างของผู้ร้อง รวมทั้งเหตุแห่งการยอมรับหรือปฏิเสธ มิฉะนั้น จะทำให้คดีไม่เกิดประเด็นข้อพิพาท และผู้คัดค้านทั้งแปดไม่มีสิทธินำพยานเข้าสืบเพราะต้องฟังข้อเท็จจริงตามคำร้องดังอุทธรณ์ของผู้ร้อง ข้อเท็จจริงในสำนวนปรากฏว่าหลังจากผู้คัดค้านทั้งแปดยื่นคำคัดค้านแล้วศาลแรงงานกลางได้กำหนดประเด็นข้อพิพาทว่า มีเหตุสมควรที่จะอนุญาตให้ผู้ร้องเลิกจ้างผู้คัดค้านทั้งแปดหรือไม่ เพียงใดไว้ด้วยทั้งยังระบุว่าให้ผู้ร้องเป็นฝ่ายนำพยานเข้าสืบก่อน แล้วให้ผู้คัดค้านทั้งแปดสืบแก้ แสดงว่าศาลแรงงานกลางเห็นว่าผู้คัดค้านทั้งแปดมิได้ยอมรับว่ามีเหตุตามที่ผู้ร้องกล่าวอ้างเกิดขึ้นและกรณีสมควรที่จะฟังพยานหลักฐานของผู้คัดค้านทั้งแปดประกอบการพิจารณาวินิจฉัยข้ออ้างของผู้ร้องด้วย ซึ่งศาลแรงงานกลางมีอำนาจที่จะกระทำได้ผู้คัดค้านทั้งแปดจึงมีสิทธินำพยานเข้าสืบและศาลแรงงานกลางสามารถนำพยานหลักฐานของผู้คัดค้านทั้งแปดมาใช้ประกอบการวินิจฉัยว่าผู้คัดค้านทั้งแปดเป็นผู้จัดทำและแจกคำแถลงการณ์และคำชี้แจงตามเอกสารหมาย ร.6 ถึง ร.8 ที่ผู้ร้องกล่าวอ้างว่าเป็นการกระทำความผิดจริงหรือไม่ได้และคดีนี้ปรากฏว่าผู้คัดค้านทั้งแปดแถลงรับข้อเท็จจริงแต่เพียงว่าได้อยู่ในที่ชุมนุมและเป็นผู้แจกเอกสารซึ่งไม่ชัดเจนว่าเป็นเอกสารหมาย ร.6 ถึง ร.8 หรือไม่ ทั้งผู้คัดค้านทั้งแปดมิได้ยอมรับว่าเป็นผู้จัดทำเอกสารดังกล่าวและหลังจากผู้คัดค้านทั้งแปดแถลงรับข้อเท็จจริงดังกล่าวแล้ว ทนายผู้ร้องได้แถลงว่าเมื่อผู้คัดค้านทั้งแปดแถลงรับข้อเท็จจริงเช่นนี้ ผู้ร้องก็ไม่ติดใจอ้างส่งเทปบันทึกภาพการแจกเอกสารของผู้คัดค้านทั้งแปดในที่ชุมนุมเป็นพยาน จากนั้นทนายผู้ร้องนำพยานเข้าสืบ 2 ปาก เพื่อสนับสนุนข้ออ้างของผู้ร้องว่าเอกสารที่ผู้คัดค้านทั้งแปดแจกในที่ชุมนุมคือเอกสารหมาย ร.6 ถึง ร.8 แสดงให้เห็นได้ชัดว่าการแถลงรับข้อเท็จจริงของผู้คัดค้านทั้งแปดดังกล่าวข้างต้นเป็นการแถลงรับแต่เพียงว่าในวันเกิดเหตุนัดชุมนุมผู้คัดค้านทั้งแปดได้ร่วมชุมนุมและแจกเอกสารในที่ชุมนุมจริงเท่านั้น มิได้ยอมรับไปถึงว่าเอกสารที่แจกเป็นเอกสารหมายร.6 ถึง ร.8 แต่อย่างใด จึงเป็นกรณีที่จะต้องรับฟังจากพยานหลักฐานอื่นต่อไป ซึ่งพยานหลักฐานอื่นที่ศาลแรงงานกลางนำมารับฟังดังกล่าวล้วนเป็นพยานหลักฐานที่เกิดจากการนำสืบของผู้ร้องทั้งสิ้น การรับฟังพยานหลักฐานและการวินิจฉัยคดีของศาลแรงงานกลางจึงไม่เป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย อุทธรณ์ของผู้ร้องทั้งแปดสำนวนฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน