คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 591/2531

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยทำสัญญาขายเครื่องอะไหล่อากาศยานแก่โจทก์รวม 6 ฉบับมีข้อตกลงว่า เมื่อครบกำหนดส่งมอบสิ่งของตามสัญญาแล้ว ถ้าผู้ขายไม่ส่งมอบสิ่งของที่ตกลงขายให้แก่ผู้ซื้อ หรือส่งมอบสิ่งของทั้งหมดไม่ถูกต้องหรือไม่ครบจำนวน ผู้ซื้อมีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ ในกรณีที่ผู้ซื้อใช้สิทธิบอกเลิกสัญญา ผู้ขายยอมให้ผู้ซื้อริบประกันหรือเรียกร้องจากธนาคารผู้ออกหนังสือสัญญาค้ำประกันเป็นจำนวนเงินทั้งหมดหรือบางส่วนตามแต่ผู้ซื้อเห็นสมควร และถ้าผู้ซื้อจัดซื้อสิ่งของจากบุคคลอื่นเต็มจำนวนหรือเฉพาะจำนวนที่ขาดส่งแล้วแต่กรณีภายในเวลากำหนดนับแต่วันที่บอกเลิกสัญญา ผู้ขายยอมรับผิดชดใช้ราคาที่เพิ่มขึ้นจากที่กำหนดไว้ในสัญญา ในกรณีที่ผู้ซื้อไม่ใช้สิทธิเลิกสัญญา ผู้ขายยอมให้ผู้ซื้อปรับเป็นรายวันในอัตราร้อยละ0.2 ของราคาสิ่งของที่ยังไม่ได้รับมอบนับแต่วันครบกำหนดตามสัญญาจนถึงวันที่ผู้ขายได้ส่งมอบสิ่งของถูกต้องครบถ้วน ในระหว่างที่มีการปรับ ถ้าผู้ซื้อเห็นว่าผู้ขายไม่อาจปฏิบัติตามสัญญาต่อไปได้ผู้ซื้อจะใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาและริบประกันกับเรียกร้องให้ชดใช้ราคาที่เพิ่มขึ้นนอกเหนือจากการปรับจนถึงวันบอกเลิกสัญญาด้วยก็ได้ดังนี้ เมื่อจำเลยผิดสัญญาและมีหนังสือบอกเลิกสัญญาไปยังโจทก์แล้วการที่โจทก์ใช้สิทธิเรียกให้ชำระเงินตามสัญญาค้ำประกันจากธนาคารเป็นการแสดงเจตนาว่า โจทก์ยอมรับการบอกเลิกสัญญาของจำเลยอันมีผลให้สัญญาสิ้นสุดลงตามเจตนาของคู่สัญญา โจทก์มีสิทธิริบประกันได้โดยไม่จำต้องบอกเลิกสัญญาไปยังจำเลยอีก ตามสัญญาดังกล่าว ในกรณีที่จำเลยส่งมอบสิ่งของล่าช้าหรือไม่ครบถ้วน นอกจากโจทก์จะมีสิทธิริบประกันแล้ว ยังมีสิทธิปรับจำเลยในอัตราร้อยละ 0.2 ของราคาสิ่งของที่ยังไม่ได้รับมอบนับแต่วันครบกำหนดตามสัญญาจนถึงวันที่จำเลยส่งมอบครบถ้วนหรือวันเลิกสัญญาแต่ถ้าจำเลยไม่ส่งมอบสิ่งของตามสัญญาเลย โจทก์ได้ใช้สิทธิเลิกสัญญาและริบประกันแล้ว แสดงว่าโจทก์ไม่ประสงค์ให้ปฏิบัติตามสัญญาต่อไป จึงหามีสิทธิเรียกค่าปรับเป็นรายวันไม่ ฉะนั้น เมื่อจำเลยไม่ส่งมอบสิ่งของตามสัญญา 3 ฉบับแรกให้แก่โจทก์เลย โจทก์จึงหามีสิทธิเรียกค่าปรับเป็นรายวันไม่ส่วนสัญญา 3 ฉบับหลังเมื่อครบกำหนดแล้วจำเลยยังส่งมอบสิ่งของไม่ครบถ้วน ต่อมาจำเลยส่งของตามสัญญาอีกแม้ว่าบางรายการจะมีคุณภาพไม่ตรงกับที่กำหนดในสัญญาหรือส่งมอบล่าช้าก็เป็นพฤติการณ์ที่ถือได้ว่าขณะนั้นโจทก์มิได้มีเจตนาจะเลิกสัญญา ดังนั้น เมื่อต่อมามีการเลิกสัญญาทั้ง 3 ฉบับ จำเลยจึงต้องเสียค่าปรับเป็นรายวันนับแต่วันครบกำหนดตามสัญญาจนถึงวันบอกเลิกสัญญา

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้ทำสัญญาซื้ออะไหล่อากาศยานจากจำเลยรวม6 ฉบับ จำเลยผิดสัญญา ขอให้บังคับจำเลยชำระค่าปรับตามสัญญาเป็นเงิน352,251.85 บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่เสียหายและจำเลยได้บอกเลิกสัญญากับโจทก์แล้ว จำเลยจึงไม่ต้องรับผิด ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 300,000 บาทและดอกเบี้ยแก่โจทก์ จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์ โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาฟังได้ว่าเมื่อเดือนกันยายน 2519 กองทัพอากาศโจทก์ได้ทำสัญญาซื้ออะไหล่เครื่องบินจากบริษัทบางกอกสากลการค้า จำกัด จำเลยรวม 6 ฉบับรวมราคาของที่ซื้อทั้งหมดจำนวน 959,513 บาท ปรากฏรายละเอียดตามสัญญาซื้อขายเอกสารหมาย จ.1 ถึง จ.6 สัญญาทุกฉบับมีข้อตกลงว่าทางฝ่ายจำเลย ผู้ขายจะส่งมอบของตรงตามคุณภาพที่ระบุไว้ในรายการแนบท้ายสัญญาและภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ในสัญญา ในวันทำสัญญาผู้ขายได้นำหลักประกันเป็นหนังสือค้ำประกันของธนาคารทหารไทย จำกัดเป็นจำนวนร้อยละ 10 ของราคาสิ่งของมามอบไว้แก่ผู้ซื้อเพื่อเป็นประกันการปฏิบัติตามสัญญา ซึ่งหลักประกันดังกล่าวผู้ซื้อจะคืนให้เมื่อผู้ขายพ้นจากข้อผูกพันตามสัญญาแล้ว เมื่อครบกำหนดส่งมอบสิ่งของตามสัญญาแล้ว ถ้าผู้ขายไม่ส่งมอบของที่ตกลงขายให้ต่อผู้ซื้อหรือส่งมอบสิ่งของทั้งหมดไม่ถูกต้องหรือส่งมอบสิ่งของทั้งหมดไม่ครบจำนวน ผู้ซื้อมีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ในกรณีที่ผู้ซื้อได้ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญา ผู้ขายยอมให้ผู้ซื้อริบประกันหรือเรียกร้องจากธนาคารผู้ออกหนังสือดังกล่าวเป็นจำนวนเงินทั้งหมดหรือบางส่วนตามแต่ผู้ซื้อเห็นสมควร และถ้าผู้ซื้อจัดซื้อสิ่งของจากบุคคลอื่นเต็มจำนวนหรือเฉพาะจำนวนที่ขาดส่งแล้วแต่กรณีภายในเวลาที่กำหนดนับแต่วันที่บอกเลิกสัญญาผู้ขายยอมรับผิดชดใช้ราคาที่เพิ่มขึ้นจากราคาที่กำหนดไว้ในสัญญา ในกรณีผู้ซื้อไม่ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาผู้ขายยอมให้ผู้ซื้อปรับเป็นรายวันในอัตราร้อยละ 0.2 ของราคาสิ่งของที่ยังไม่ได้รับมอบนับแต่วันครบกำหนดตามสัญญาจนถึงวันที่ผู้ขายได้นำสิ่งของมาส่งมอบให้ผู้ซื้อจนถูกต้องครบถ้วน ในระหว่างที่มีการปรับนั้น ถ้าผู้ซื้อเห็นว่า ผู้ขายไม่อาจปฏิบัติตามสัญญาต่อไปได้ ผู้ซื้อจะใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาและริบประกันกับเรียกร้องให้ชดใช้ราคาที่เพิ่มขึ้นจากราคาที่กำหนดไว้ในสัญญานอกเหนือจากการปรับจนถึงวันบอกเลิกสัญญาด้วยก็ได้ และสัญญาข้อสุดท้ายระบุว่าถ้าผู้ขายไม่ปฏิบัติตามสัญญาข้อหนึ่งข้อใดด้วยเหตุใด ๆ ก็ตามจนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ซื้อ ผู้ขายยอมรับผิดและยินยอมชดใช้ค่าเสียหายอันเกิดจากการที่ผู้ขายไม่ปฏิบัติตามสัญญานั้นให้แก่ผู้ซื้อโดยสิ้นเชิงภายในกำหนด 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากผู้ซื้อ ปรากฏว่าเมื่อครบกำหนดเวลาส่งมอบของตามสัญญาแล้วตามสัญญาฉบับที่ 182/2519, 234/2519 และ 378/2519 จำเลยผิดสัญญาโดยส่งของทั้งหมดไม่ตรงตามคุณภาพ โจทก์จึงส่งคืนและต่อมาจำเลยมีหนังสือขอบอกเลิกสัญญา ส่วนสัญญาฉบับที่ 181/2519, 380/2519 และ385/2519 จำเลยผิดสัญญาโดยส่งของบางรายการไม่ตรงตามคุณภาพโจทก์ส่งคืนไปและต่อมาจำเลยขอบอกเลิกสัญญาสำหรับรายการที่ส่งมอบของไม่ได้ บางรายการจำเลยส่งมอบล่าช้ากว่ากำหนด คดีคงมีข้อวินิจฉัยตามที่โจทก์ฎีกาว่า จำเลยบอกเลิกสัญญาแล้วโจทก์มีสิทธิริบเงินประกันได้โดยโจทก์ต้องบอกเลิกสัญญาอีกหรือไม่ และนอกจากโจทก์มีสิทธิริบประกันแล้วโจทก์ยังอาจเรียกให้จำเลยชำระเบี้ยปรับตามข้อสัญญาที่ให้สิทธิแก่โจทก์ในอันจะเรียกให้มีการชำระจากวันครบกำหนดตามสัญญาจนถึงวันบอกเลิกสัญญาด้วยได้หรือไม่
พิเคราะห์แล้วที่โจทก์ฎีกาว่าเมื่อจำเลยมีหนังสือแจ้งยกเลิกสัญญาเพราะไม่สามารถส่งของใหม่ได้ ย่อมมีผลให้สัญญาซื้อขายเลิกกันได้โดยโจทก์ไม่ต้องบอกเลิกสัญญาซ้ำอีกนั้น เห็นว่า การที่โจทก์ใช้สิทธิเรียกให้ชำระเงินตามสัญญาค้ำประกันจากธนาคารเป็นการแสดงเจตนาว่าโจทก์ยอมรับการบอกเลิกสัญญาของจำเลย อันมีผลให้สัญญาสิ้นสุดลงตามเจตนาของคู่สัญญา โจทก์จึงมีสิทธิริบประกันได้โดยไม่จำต้องบอกเลิกสัญญาไปยังจำเลยอีก ฎีกาโจทก์ข้อนี้ฟังขึ้น
ส่วนปัญหาว่านอกจากโจทก์จะมีสิทธิริบประกันแล้ว โจทก์ยังมีสิทธิเรียกให้จำเลยชำระค่าปรับเป็นรายวันได้หรือไม่ เห็นว่าตามสัญญาดังกล่าว ในกรณีที่จำเลยผู้ขายส่งมอบสิ่งของล่าช้าหรือไม่ครบถ้วน นอกจากโจทก์จะมีสิทธิริบประกันแล้วยังมีสิทธิปรับจำเลยในอัตราร้อยละ 0.2 ของราคาสิ่งของที่ยังไม่ได้รับมอบนับแต่วันครบกำหนดตามสัญญาจนถึงวันที่จำเลยส่งมอบของครบถ้วนหรือวันเลิกสัญญาแต่ถ้าจำเลยไม่ส่งมอบสิ่งของตามสัญญาเลย โจทก์ได้ใช้สิทธิเลิกสัญญาและริบประกันแล้วแสดงว่า โจทก์ไม่ประสงค์จะให้มีการส่งมอบสิ่งของหรือปฏิบัติตามสัญญาต่อไป ในกรณีนี้จึงหามีสิทธิเรียกค่าปรับเป็นรายวันไม่ ฉะนั้น เมื่อปรากฏว่าจำเลยไม่ส่งมอบสิ่งของตามสัญญาฉบับที่ 182/2519, 234/2519 และ 378/2519 ให้แก่โจทก์เลยโจทก์ได้เลิกสัญญาและริบเงินตามสัญญาค้ำประกันแล้ว โจทก์จึงหามีสิทธิเรียกค่าปรับเป็นรายวันไม่
ส่วนสัญญาฉบับที่ 181/2519, 380/2519 และ 385/2519 ปรากฏว่าเมื่อครบกำหนดเวลาที่จะส่งมอบสินค้าอะไหล่อากาศยานแล้ว จำเลยยังส่งมอบสินค้าบางรายไม่ครบถ้วน และหลังจากนั้นต่อมา จำเลยได้ส่งมอบสินค้าตามสัญญาให้อีก แม้ว่าสินค้าบางรายการจะไม่ตรงตามคุณภาพหรือส่งมอบให้โจทก์ล่าช้า ก็เป็นพฤติการณ์ที่ถือได้ว่าโจทก์มิได้มีเจตนาจะเลิกสัญญา แต่ประสงค์จะให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญาต่อไป สินค้าที่จำเลยยังไม่ส่งมอบให้แก่โจทก์ตามสัญญาฉบับที่181/2519, 380/2519 และ 385/2519 มีราคา 66,475 บาท 65,595 บาทและ 45,303 บาท ตามลำดับ ดังนั้น เมื่อต่อมามีการเลิกสัญญาทั้งสามฉบับ จำเลยจึงต้องเสียค่าปรับเป็นรายวันในอัตราร้อยละ0.2 ของราคาสิ่งของดังกล่าวนับแต่วันครบกำหนดตามสัญญาจนถึงวันบอกเลิกสัญญา ซึ่งโจทก์นำสืบว่าคิดเป็นเงินค่าปรับหลังจากหักราคาสิ่งของที่จำเลยส่งมอบออกแล้วเป็นเงิน 36,442.21 บาท120,804.59 บาท 44,253.93 บาท ตามลำดับ ปรากฏตามเอกสารหมาย จ.28,จ.41 และ จ.48 เฉพาะตามสัญญาฉบับที่ 181/2519 โจทก์ติดใจเรียกร้องเพียง 24,568.81 บาท จำเลยมิได้นำสืบหักล้างเรื่องจำนวนค่าปรับข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่าค่าปรับรายวันตามสัญญาฉบับดังกล่าวเป็นเงิน24,568.81 บาท 120,804.59 บาท และ 44,253.93 บาท ตามลำดับรวมค่าปรับทั้งสิ้นเป็นเงิน 189,627.33 บาท จำเลยจึงต้องรับผิดชำระค่าปรับจำนวนดังกล่าวต่อโจทก์ ฎีกาโจทก์ฟังขึ้นบางส่วน”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระค่าปรับเป็นเงิน 189,627.33บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

Share