แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
การพิจารณาคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนั้น พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522มาตรา 79 ให้นำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับโดยอนุโลม ดังนั้น คำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจึงต้องตกอยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172วรรคสองด้วย คำร้อง ของ ผู้ร้องอ้างเหตุคัดค้านการเลือกตั้งว่า กรรมการตรวจคะแนนลงคะแนนเอง ลงชื่อแทนผู้มีสิทธิลงคะแนนที่ไม่มาใช้สิทธิไม่จดหมายเลขกับสถานที่ออกบัตรประจำตัวประชาชนในบัญชีผู้มีสิทธิเลือกตั้งและที่จดไว้ก็ไม่ตรงกับความจริง การนับคะแนนของคณะกรรมการทุกหน่วยเลือกตั้งไม่ตรงต่อความเป็นจริงที่ปรากฏในบัตรเลือกตั้งโดยอ่านบัตรเลือกตั้งหมายเลขของผู้ร้องเป็นหมายเลขอื่นทำให้คะแนนของผู้ร้องลดลงคณะกรรมการตรวจคะแนนทุกหน่วยเลือกตั้งกรอกคะแนนลงในแบบรายงานแสดงผลของการนับคะแนนไม่ตรงกับความเป็นจริงและไม่ตรงกับคะแนนที่อ่านได้โดยลดคะแนนของผู้ร้องแล้วเพิ่มคะแนนให้แก่ผู้สมัครหมายเลขอื่นและนายอำเภอในเขตเลือกตั้งซึ่งมีหน้าที่รวมคะแนนจากรายงานแสดงผลของการนับคะแนน รวมคะแนนของผู้ร้องผิดไปจากความจริงโดยลดคะแนนของผู้ร้องลงและบวกคะแนนเพิ่มให้แก่ผู้สมัครหมายเลขอื่นนั้นเป็นคำร้องที่เคลือบคลุม เพราะไม่อาจทราบได้ว่าเจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้ง กรรมการตรวจคะแนนหรือเจ้าหน้าที่คะแนนผู้ใด ของหน่วยเลือกตั้งที่เท่าใด ของอำเภอใดเป็นผู้กระทำเช่นนั้นและที่อ้างว่ากรรมการตรวจคะแนนและนายอำเภอในเขตเลือกตั้งรวมคะแนนผิดไปจากความจริงนั้น ความจริงมีจำนวนเท่าใดก็ไม่ปรากฏ ผู้ร้องเพียงแต่กล่าวอ้างคลุม ๆ มาทุกหน่วยเลือกตั้งและส่อแสดงว่าเป็นการคาดคะเนเอาเอง จึงเป็นคำกล่าวอ้างลอย ๆ ไม่พอที่จะทำให้ผู้คัดค้านเข้าใจข้อหาได้ดีไม่ชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสอง
ย่อยาว
ผู้ร้องขอให้ศาลสั่งให้มีการเปิดหีบบัตรเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพื่อตรวจนับคะแนนใหม่ หากปรากฏว่า ผู้ร้องมีคะแนนในลำดับสามคนแรก ก็ให้มีคำสั่งให้การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเขต 1 จังหวัดพิษณุโลก เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม2531 เป็นโมฆะและให้มีการเลือกตั้งใหม่ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลกคัดค้านคำร้องว่าการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นไปโดยชอบ คำร้อง ของ ผู้ร้องเคลือบคลุม
ศาลจังหวัดพิษณุโลกงดไต่สวนคำร้อง และทำความเห็นส่งสำนวนไปยังศาลฎีกาว่า คำร้อง ของ ผู้ร้องเคลือบคลุม ควรยกคำร้อง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “เห็นว่าการพิจารณาคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนั้น มาตรา 79 แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 ให้นำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับโดยอนุโลมด้วย ดังนั้นคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจึงต้องตกอยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสองด้วย
พิเคราะห์คำร้องของผู้ร้องโดยตลอดแล้ว ที่ผู้ร้องอ้างเหตุคัดค้านการเลือกตั้งประการแรกว่า กรรมการตรวจคะแนนลงคะแนนเอง ลงชื่อแทนผู้มีสิทธิลงคะแนนที่ไม่มาใช้สิทธิ ไม่จดหมายเลขกับสถานที่ออกบัตรประจำตัวประชาชนในบัญชีผู้มีสิทธิเลือกตั้ง และที่จดไว้ก็ไม่ตรงกับความจริง เป็นการฝ่าฝืนกฎกระทรวง(พ.ศ. 2522) ออกตามความในพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 นั้น เห็นว่าผู้ร้องมิได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งข้อเท็จจริงอันเป็นสภาพแห่งข้อหาว่ากรรมการตรวจคะแนนคนใดของหน่วยเลือกตั้งที่เท่าใด ของอำเภอใดเป็นผู้กระทำเช่นนั้นกับได้ลงชื่อแทนผู้มีสิทธิลงคะแนนคนใด ของหน่วยเลือกตั้งที่เท่าใดของอำเภอใด และจดไว้ไม่ตรงกับความจริงอย่างไรเช่นนี้จึงไม่อาจทราบได้ว่าเจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้ง กรรมการตรวจคะแนนหรือเจ้าหน้าที่คะแนนผู้ใดได้กระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนกฎกระทรวง (พ.ศ. 2522) ออกตามความในพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 ตามที่ผู้ร้องกล่าวอ้างจึงเป็นคำกล่าวอ้างลอย ๆ ไม่พอที่จะทำให้ผู้คัดค้านเข้าใจข้อหาได้ดี คำร้องส่วนนี้จึงเคลือบคลุม ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสอง
ที่ผู้ร้องอ้างเหตุคัดค้านประการต่อไปว่า การนับคะแนนของคณะกรรมการทุกหน่วยเลือกตั้งไม่ตรงกับความจริงในบัตรเลือกตั้งโดยอ่านบัตรเลือกตั้งหมายเลข 4 ของผู้ร้องเป็นหมายเลข 1 บ้างหมายเลข 15 บ้าง และหมายเลข 18 บ้าง ทำให้คะแนนของผู้ร้องลดลง คะแนนของผู้สมัครหมายเลข 1 หมายเลข 15 และหมายเลข 18 เพิ่มขึ้นจากความเป็นจริง เห็นว่าผู้ร้องมิได้ระบุโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาว่า กรรมการตรวจคะแนนคนใดของหน่วยเลือกตั้งที่เท่าใด ของอำเภอใดนับคะแนนไม่ตรงกับความจริง เพียงแต่กล่าวอ้างคลุม ๆ มาทุกหน่วยเลือกตั้งเท่านั้นและข้อที่อ้างว่าการอ่านบัตรเลือกตั้งไม่ตรงความจริงนั้น ก็มิได้บรรยายว่าไม่ตรงกับความจริงมีจำนวนเท่าใด ทั้งการอ่านคะแนนเช่นนั้นเป็นเหตุให้คะแนนของผู้ร้องน้อยกว่าความเป็นจริงเท่าใดอันเป็นสาระสำคัญเพื่อให้ผู้คัดค้านเข้าใจข้อหาได้ดี คำร้องส่วนนี้จึงเคลือบคลุม ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 172 วรรคสอง
ที่ผู้ร้องอ้างเหตุคัดค้านประการที่สามว่า คณะกรรมการตรวจคะแนนทุกหน่วยเลือกตั้งกรอกคะแนนจากกระดานดำที่ได้ลงคะแนนจากการอ่านคะแนนตามบัตรเลือกตั้งเสร็จแล้วลงในแบบรายงานแสดงการนับคะแนนไม่ตรงกับความเป็นจริงและไม่ตรงกับคะแนนที่อ่านได้โดยลดคะแนนหมายเลข 4 ของผู้ร้องลง เพิ่มคะแนนให้แก่หมายเลข 1 หมายเลข 15 และหมายเลข 18 ทุกหน่วยเลือกตั้งนั้นเห็นว่าผู้ร้องมิได้บรรยายข้อเท็จจริงให้แจ้งชัดว่า กรรมการตรวจคะแนนคนใดของหน่วยเลือกตั้งที่เท่าใด ของอำเภอใดเป็นผู้กรอกคะแนนไม่ตรงกับความเป็นจริงและที่ว่าไม่ตรงกับความจริงนั้น ผิดไปจากความจริงเท่าใด คะแนนของผู้ร้องถูกลดลงไปจำนวนเท่าใดคะแนนของผู้สมัครหมายเลข 1 หมายเลข 15 และหมายเลข 18 ถูกเพิ่มขึ้นจำนวนเท่าใด ผู้ร้องเพียงแต่กล่าวอ้างคลุม ๆ มาทุกหน่วยเลือกตั้ง จึงเป็นคำกล่าวอ้างลอย ๆ ไม่พอที่จะทำให้ผู้คัดค้านเข้าใจข้อหาได้ดี คำร้องข้อนี้จึงเคลือบคลุมเช่นเดียวกัน
และผู้ที่ร้องอ้างเหตุคัดค้านประการสุดท้ายว่า นายอำเภอพรหมพิรามซึ่งมีหน้าที่รวมคะแนนจากรายงานแสดงผลของการนับคะแนน (แบบส.ส.4) ในอำเภอพรหมพิรามจากหน่วยเลือกตั้ง78 หน่วยเลือกตั้งได้รวมคะแนนของผู้ร้องผิดไปจากความจริงถึง 5,000คะแนน นายอำเภอเมืองพิษณุโลกผู้มีหน้าที่รวมคะแนนจากรายงานแสดงผลของการนับคะแนน (แบบ ส.ส.4) ในอำเภอเมืองพิษณุโลกจากหน่วยเลือกตั้ง 123 หน่วยเลือกตั้งได้รวมคะแนนของผู้ร้องผิดไปจากความจริงถึง 12,000 คะแนนนายอำเภอบางระกำผู้มีหน้าที่รวมคะแนนจากรายงานแสดงผลของการนับคะแนน (แบบ ส.ส.4) ในอำเภอบางระกำจากหน่วยเลือกตั้ง52 หน่วยเลือกตั้ง ได้รวมคะแนนของผู้ร้องผิดไปจากความจริงถึง10,000 คะแนนและนายอำเภอบางกระทุ่มผู้มีหน้าที่รวมคะแนนจากรายงานแสดงผลของการนับคะแนน (แบบ ส.ส.4) ในอำเภอบางกระทุ่ม จากหน่วยเลือกตั้ง 43 หน่วยเลือกตั้งได้รวมคะแนนของผู้ร้องผิดไปจากความจริงถึง 10,000 คะแนน นั้น เห็นว่าข้อที่ผู้ร้องอ้างว่านายอำเภอดังกล่าวรวมคะแนนจากรายงานแสดงผลของการนับคะแนน (แบบ ส.ส.4) ผิดพลาด แต่ตามคำร้องมิได้บรรยายให้ชัดเจนว่า แต่ละหน่วยเลือกตั้งในแต่ละอำเภอดังกล่าว ผู้ร้องได้คะแนนหน่วยเลือกตั้งละกี่คะแนน ได้คะแนนรวมเป็นจำนวนเท่าใดและคะแนนที่ว่ารวมผิดพลาดผิดไปจากความจริงหน่วยเลือกตั้งละกี่คะแนน คะแนนรวมทั้งหมดผิดพลาดเป็นจำนวนเท่าใด สำหรับข้อที่ผู้ร้องกล่าวอ้างว่า นายอำเภอพรหมพิราม นายอำเภอเมืองพิษณุโลกนายอำเภอบางระกำและนายอำเภอบางกระทุ่ม ผู้มีหน้าที่รวมคะแนนจากรายงานแสดงผลของการนับคะแนน (แบบ ส.ส.4) ของผู้ร้องผิดไปจากความจริงถึง 5,000 คะแนน, 12,000 คะแนน, 10,000 คะแนนและ 10,000 คะแนน ตามลำดับนั้น ก็เห็นได้ว่า ตัวเลขจำนวนคะแนนที่กล่าวอ้างว่านายอำเภอดังกล่าวรวมคะแนนของผู้ร้องผิดพลาดเป็นตัวเลขจำนวนคะแนนเต็มทุกอำเภอ ส่อแสดงว่าเป็นการคาดคะเนเอาเอง มิใช่ตัวเลขจำนวนคะแนนที่รวมผิดพลาดโดยแท้จริงและเห็นได้ว่าเป็นการคิดคำนวณคาดหมายเอาเองตามนัยที่กล่าวมาแล้วเพียงเพื่อจะอ้างเป็นเหตุร้องคัดค้านและเพื่อให้ปรากฏในคำร้องเท่านั้น เมื่อผู้ร้องบรรยายแสดงจำนวนคะแนนที่นายอำเภอดังกล่าวรวมคะแนนผิดพลาดโดยประการที่น่าจะคิดคำนวณประมาณเอาเองเพื่อให้เห็นว่าได้บรรยายจำนวนคะแนนที่นายอำเภอดังกล่าวรวมคะแนนผิดพลาดเป็นเหตุให้ผู้ร้องเป็นฝ่ายเสียคะแนนในคำร้อง และหากศาลวินิจฉัยว่า คำร้องเช่นนี้เป็นคำร้องที่ชอบแล้วผลที่ตามมาก็คือ ผู้สมัครรับเลือกตั้งคนใดที่เพียงแต่สงสัยการรวมคะแนนของนายอำเภอผู้มีหน้าที่รวมคะแนนจากรายงานแสดงผลของการนับคะแนน (แบบ ส.ส.4) ก็อาจยื่นคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งเพื่อให้ศาลทำหน้าที่รวมคะแนนจากรายงานแสดงผลของการนับคะแนน (แบบ ส.ส.4) ให้ใหม่ได้ทุกรายไป คำร้องของผู้ร้องข้อนี้จึงเลื่อนลอย ย่อมเป็นคำร้องที่เคลือบคลุมอีกเช่นเดียวกัน
เมื่อคำร้องของผู้ร้องที่คัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเขต 1 ของจังหวัดพิษณุโลก เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2531ทุกข้อเป็นคำร้องที่เคลือบคลุม ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสองดังได้วินิจฉัยมาแล้ว จึงไม่อาจรับคำร้องไว้พิจารณาได้”
มีคำสั่งให้ยกคำร้องของผู้ร้อง