แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
จำเลยที่ 1 ซุกซ่อนเฮโรอีนที่จำเลยที่ 1 มีไว้ในครอบครอง เพื่อจำหน่ายไว้ในรถยนต์ รถยนต์ดังกล่าวจึงเป็นยานพาหนะ ที่จำเลยที่ 1 ได้ใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับ ยาเสพติดให้โทษ ต้องริบตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 มาตรา 102
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสามร่วมกันมีเฮโรอีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 จำนวน 2 ถุง คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์หนัก 698.803 กรัม ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต และจำเลยทั้งสามร่วมกันจำหน่ายเฮโรอีนจำนวนดังกล่าวให้แก่ผู้มีชื่ออันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมายเจ้าพนักงานจับจำเลยทั้งสามพร้อมกับยึดเฮโรอีนจำนวน 2 ถุงและรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน ฉ-1778 เชียงใหม่เป็นของกลาง ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 และริบของกลาง
จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคสอง,66 วรรคสอง ให้ลงโทษประหารชีวิต จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78ประกอบมาตรา 52(1) ให้หนึ่งในสาม คงจำคุกตลอดชีวิตส่วนข้อหาจำหน่ายเฮโรอีนให้ยก ริบของกลางและให้ยกฟ้องจำเลยที่ 2 และที่ 3
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน แต่ไม่ริบรถยนต์ของกลาง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติโดยคู่ความมิได้ฎีกาโต้แย้งว่า ตามวันเวลาและสถานที่ที่โจทก์กล่าวในฟ้องจำเลยที่ 1 มีเฮโรอีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1จำนวน 2 ถุง คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์หนัก 698.803 กรัมไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามวันเวลาดังกล่าวเจ้าพนักงานจับจำเลยที่ 1 พร้อมกับยึดของกลางได้คือเฮโรอีนจำนวน 2 ถุง และรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน ฉ-1778เชียงใหม่ ที่จำเลยที่ 1 ซุกซ่อนเฮโรอีนดังกล่าวไว้ใต้เบาะนั่งคนขับรถ โดยใช้แผ่นยางปูพื้นรถปิดไว้ ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยมีว่า รถยนต์ของกลางเป็นยานพาหนะที่ได้ใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษหรือไม่
พิเคราะห์แล้ว เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลยที่ 1ซุกซ่อนเฮโรอีนที่จำเลยที่ 1 มีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาตไว้ในรถยนต์ของกลาง จึงถือได้ว่ารถยนต์ของกลางเป็นยานพาหนะที่จำเลยที่ 1 ได้ใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษ ซึ่งต้องริบตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 102 ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3ไม่ริบรถยนต์ของกลางนั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกาฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น”
พิพากษาแก้เป็นว่า รถยนต์ของกลางให้ริบ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 3