คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5889/2545

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยรับไว้ซึ่งไม้ไผ่จากผู้ลักลอบทำไม้ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติฯ มาตรา 14 ประกอบมาตรา 34 เมื่อจำเลยฝ่าฝืนนอกจากจะมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 31 แล้ว มาตรา 35 บัญญัติว่า “บรรดาไม้ ของป่า เครื่องมือ เครื่องใช้… ยานพาหนะหรือเครื่องจักรกลใด ๆ ซึ่งบุคคลใช้หรือได้มาโดยการกระทำผิดตามพระราชบัญญัตินี้ ให้ริบเสียทั้งสิ้น…” รถยนต์กระบะของกลางเป็นยานพาหนะที่จำเลยใช้บรรทุกไม้ไผ่ บทบัญญัติมาตรา 35 จึงเป็นโทษสำหรับลงแก่ผู้กระทำความผิดโดยให้รถยนต์ของกลางเป็นทรัพย์ที่จะต้องริบเสียตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติฯ อีกบทหนึ่ง การริบรถยนต์ของกลางจึงชอบแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้รับไว้ ช่วยซ่อนเร้น ช่วยพาเอาไปเสียซึ่งไม้ไผ่แปรรูปซึ่งเป็นไม้ที่มีผู้ตัดฟัน ทำไม้มาจากป่าสงวนแห่งชาติป่าภูซำผักหนามในท้องที่ตำบลห้วยยาง อำเภอคอนสาร จังหวัดชัยภูมิ โดยไม่ได้รับอนุญาตไว้ในครอบครองของจำเลยเจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมไม้ไผ่แปรรูปที่จำเลยได้มาเนื่องจากการกระทำผิดและรถยนต์กระบะคันหมายเลขทะเบียน ภ – 3734 ขอนแก่น ซึ่งเป็นยานพาหนะในการทำความผิดใช้บรรทุกไม้ไผ่ที่จำเลยรับไว้จากผู้ที่ลักลอบทำไม้ในเขตป่าสงวนแห่งชาติเป็นของกลาง ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507มาตรา 4, 6, 9, 14, 31, 34,35 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33 ริบของกลางทั้งหมด

จำเลยให้การรับสารภาพ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 มาตรา 14, 31 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 34 ให้ลงโทษจำคุก 1 ปี และปรับ12,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 6 เดือน และปรับ6,000 บาท ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้รับโทษจำคุกมาก่อน ให้รอการลงโทษจำคุกไว้มีกำหนด2 ปีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ริบของกลาง

จำเลยอุทธรณ์ขอให้ไม่ริบรถยนต์กระบะของกลาง

ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาวินิจฉัยว่า รถยนต์กระบะของกลางเป็นยานพาหนะที่ใช้ในการกระทำผิดอันจะพึงถูกริบตามกฎหมายหรือไม่ ที่จำเลยฎีกาว่า การกระทำของจำเลยตามฟ้องเป็นความผิดสำเร็จทันทีเมื่อจำเลยรับไว้ไม้ไผ่ของกลาง ถึงแม้จำเลยจะใช้รถยนต์กระบะของกลางบรรทุกไม้ไผ่ที่จำเลยรับไว้จากผู้ลักลอบทำไม้ในเขตป่าสงวนแห่งชาติก็ตาม แต่การใช้รถยนต์กระบะมิได้เป็นองค์ประกอบโดยตรงในขณะเกิดความผิดสำเร็จฐานนี้ แต่เป็นเพียงยานพาหนะที่จำเลยใช้ขับขี่ไปมา จึงมิใช่ทรัพย์อันจะต้องถูกริบเห็นว่า การที่จำเลยรับไว้ซึ่งไม้ไผ่จากผู้ลักลอบทำไม้ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 มาตรา 14 ประกอบมาตรา 34 เมื่อจำเลยฝ่าฝืนนั้น นอกจากมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 31 แล้ว มาตรา 35 บัญญัติว่า “บรรดาไม้ ของป่า เครื่องมือ เครื่องใช้… ยานพาหนะหรือเครื่องจักรกลใด ๆ ซึ่งบุคคลใช้หรือได้มาโดยการกระทำผิดตามพระราชบัญญัตินี้ ให้ริบเสียทั้งสิ้น…” ดังนี้ รถยนต์กระบะของกลางจึงเป็นยานพาหนะที่จำเลยใช้บรรทุกไม้ไผ่ บทบัญญัติมาตรา 35 จึงเป็นโทษสำหรับลงแก่ผู้กระทำความผิดโดยให้รถยนต์ของกลางเป็นทรัพย์ที่จะต้องริบเสียตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติอีกบทหนึ่ง ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้ริบรถยนต์ของกลางชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน

Share