แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ.2530มาตรา 25 วรรคหนึ่ง (เดิม) บัญญัติให้สิทธิผู้ที่ได้รับเงินค่าทดแทนที่ไม่พอใจในจำนวนเงินค่าทดแทนที่คณะกรรมการกำหนด มีสิทธิอุทธรณ์ต่อรัฐมนตรีนับแต่วันที่ได้รับหนังสือจากเจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่ให้มารับเงินค่าทดแทน และขั้นตอนในการดำเนินการเกี่ยวกับการจ่ายเงินค่าทดแทนให้แก่ผู้มีสิทธิได้รับเงินค่าทดแทนนั้น หลังจากที่คณะกรรมการได้กำหนดราคาแล้วจะมีหนังสือเชิญให้เจ้าของกรรมสิทธิ์ทำสัญญาและให้ไปติดต่อขอรับเงินค่าทดแทนในภายหลัง ส่วนผู้ที่ไม่ยอมทำสัญญา การทางพิเศษแห่งประเทศไทยจำเลยจะนำเงินไปวางที่ธนาคารออมสินวันที่นัดให้มารับเงินนั้น จำเลยจะต้องมีหนังสือแจ้งไปให้เจ้าของทราบอีกทีหนึ่ง ในทางปฏิบัติหากเจ้าของที่ถูกเวนคืนไม่ตกลงทำสัญญาด้วย จำเลยจะไม่มีหนังสือให้มารับเงินที่จำเลย จะให้ไปรับเงินที่ธนาคารออมสิน ฝ่ายจำเลยถือว่า หนังสือขอเชิญให้ไปติดต่อขอรับเงินค่าทดแทน เป็นหนังสือเชิญให้มาทำสัญญาซื้อขายตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์มาตรา 10มิใช่หนังสือแจ้งให้มารับเงินค่าทดแทนตามมาตรา 25 วรรคหนึ่ง กรณีของโจทก์ทั้งสองนั้น หนังสือแจ้งให้มารับเงินค่าทดแทนตามมาตรา 25 วรรคหนึ่ง คือหนังสือแจ้งการวางเงินค่าทดแทนฉบับวันที่ 30 สิงหาคม 2533 โจทก์ทั้งสองได้รับหนังสือการวางเงินค่าทดแทนเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2533 และได้ยื่นอุทธรณ์เมื่อวันที่29 ตุลาคม 2533 จึงเป็นการยื่นอุทธรณ์ภายในเวลา 60 วัน นับแต่วันได้รับหนังสือจากเจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่ให้มารับเงินค่าทดแทนตามมาตรา 25 วรรคหนึ่ง โจทก์ทั้งสองจึงมีสิทธิฟ้องคดีนี้ตามมาตรา 26 วรรคหนึ่ง
การที่โจทก์ที่ 1 ไม่สามารถประกอบกิจการค้าขายวัสดุก่อสร้างและรับเหมาก่อสร้างในที่ดินของโจทก์ที่ 2 ซึ่งถูกเวนคืน โจทก์ที่ 1 ต้องเสียทำเลทางการค้า เสียเวลาในการหาสถานที่ประกอบกิจการค้าแห่งใหม่ ไม่สะดวกต่อการติดต่อกับลูกค้า ทำให้เสียลูกค้า และขาดรายได้อันถือได้ว่าโจทก์ที่ 1 ได้รับความเสียหายเนื่องจากการที่ต้องออกจากอสังหาริมทรัพย์ที่ถูกเวนคืน จำเลยทั้งสองจึงต้องจ่ายเงินค่าทดแทนส่วนนี้ให้แก่โจทก์ที่ 1 ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ.2530 มาตรา 21 วรรคห้า
ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ.2530มาตรา 21 วรรคสองและวรรคสาม เป็นบทบัญญัติที่เป็นหลักการในการสนับสนุนให้การเวนคืนเป็นไปด้วยความเป็นธรรมแก่ผู้ถูกเวนคืนและสังคมโดยสมบูรณ์ถ้าข้อเท็จจริงปรากฏว่าการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ที่เหลืออยู่มีราคาสูงขึ้นแล้วหากไม่นำเอาราคาที่สูงขึ้นนั้นหักออกจากเงินค่าทดแทน ก็จะทำให้ผู้ถูกเวนคืนได้รับผลประโยชน์จากการเวนคืนแต่ฝ่ายเดียว ในทางตรงกันข้าม หากอสังหา-ริมทรัพย์ส่วนที่เหลือนั้นราคาลดลงแล้วหากผู้ถูกเวนคืนไม่ได้รับเงินค่าทดแทนในส่วนนี้ ก็ย่อมไม่เป็นธรรมแก่ผู้ถูกเวนคืนซึ่งขัดต่อหลักการสำคัญของมาตรา 21ที่ให้กำหนดค่าทดแทนเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ผู้ถูกเวนคืนและสังคม ส่วนมาตรา 21 วรรคสี่ นั้น เป็นเพียงวิธีการที่จะดำเนินการให้เป็นไปตามหลักการสำคัญของมาตรา 21 เท่านั้น แม้ยังไม่มี พ.ร.ฎ.กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการคำนวณออกใช้บังคับแล้ว ตามมาตรา 21 วรรคสี่ ก็ไม่ใช่กรณีที่จะทำให้หลักการตามมาตรา 21 วรรคสองและวรรคสามใช้ไม่ได้ หากปรากฏชัดว่าที่ดินในส่วนที่เหลือของโจทก์ที่ 2 มีราคาลดลงเพราะการเวนคืนแล้ว ก็ต้องกำหนดค่าทดแทนสำหรับที่ดินที่เหลือจากการเวนคืนอันราคาลดลงด้วย แต่ที่ดินโฉนดเลขที่ 21685ของโจทก์ที่ 2 มิได้มีส่วนใดถูกเวนคืนเลย จึงไม่เข้ากรณีที่จะได้เงินค่าทดแทนอันเนื่องมาจากที่ดินที่เหลือจากการเวนคืนมีราคาลดลงเพราะเหตุการเวนคืนตามมาตรา 21 วรรคสาม ส่วนที่ดินโฉนดเลขที่ 21686 ของโจทก์ที่ 2 เนื้อที่107 ตารางวา ถูกเวนคืนเพียง 19 ตารางวา เหลือ 88 ตารางวา นั้นเป็นที่ดินที่ไม่ได้อยู่ติดกับถนนแจ้งวัฒนะ คงติดกับถนนซอยกว้างเกิน 4 เมตรเมื่อถูกเวนคืน 19 ตารางวา แล้ว ที่ดินที่เหลือ 88 ตารางวา ก็ยังคงติดกับถนนซอยกว้างเกิน 4 เมตรเหมือนเดิม และเนื้อที่ดินลดลงเพียงเล็กน้อยยังคงใช้ประโยชน์ได้แตกต่างจากเดิมไม่มาก และหลังจากสร้างทางสายบางโคล่ – แจ้งวัฒนะเสร็จแล้ว ทำให้ที่ดินที่เหลือจากการเวนคืนของโจทก์ที่ 2 แปลงนั้นอยู่ใกล้กับทางขึ้นลงทางด่วนด้วย ย่อมไม่ทำให้ที่ดินของโจทก์ที่ 2ที่เหลือจากการเวนคืนดังกล่าวนั้นราคาลดลง
เมื่อจำเลยทั้งสองต้องชำระเงินค่าทดแทนให้แก่โจทก์โจทก์ทั้งสองจึงมีสิทธิได้รับดอกเบี้ยในอัตราสูงสุดของดอกเบี้ยเงินฝากประเภทฝากประจำของธนาคารออมสินในจำนวนเงินที่เพิ่มขึ้นนับแต่วันที่ต้องมีการจ่ายหรือวางเงินค่าทดแทนตามมาตรา 26 วรรคสาม ซึ่งอัตราสูงสุดนี้ในเวลาที่ต่างกันอาจเพิ่มขึ้นหรือลดลงตามประกาศของธนาคารออมสินแต่ต้องไม่เกินอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องคือวันที่ 23 ธันวาคม 2534 ตามคำขอของโจทก์ทั้งสอง