คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5873/2534

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้ในวันนัดสืบพยานโจทก์ จำเลยที่ 1 จะขอเบิกเงินค่าจ้างจากนายจ้างเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการมาศาลไม่ได้ และนายจ้างได้สั่งให้จำเลยที่ 1 ดูแลรับผิดชอบยางพาราด้วยก็ตาม จำเลยที่ 1 ก็จะนำเอาเหตุดังกล่าวมาอ้างว่าจำเลยทั้งสองมิได้จงใจขาดนัดพิจารณาไม่ได้เพราะจำเลยที่ 1 อาจจะมอบอำนาจให้จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นภรรยามาขอเลื่อนคดีได้ แต่จำเลยที่ 1ก็ไม่กระทำ หรือจำเลยที่ 2 เองก็มิได้มาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์ด้วย ถือได้ว่าจำเลยทั้งสองจงใจขาดนัดพิจารณา

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ ๑ ชำระหนี้เงินกู้ให้แก่โจทก์หากจำเลยที่ ๑ ไม่ชำระ ก็ให้จำเลยที่ ๒ ผู้ค้ำประกันชำระแทน จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขออนุญาตยื่นคำให้การและขอพิจารณาใหม่ โจทก์ยื่นคำร้องคัดค้าน ขอให้ยกคำร้อง ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งว่าจำเลยจงใจขาดนัดยื่นคำให้การ ไม่มีเหตุจะพิจารณาใหม่ ให้ยกคำร้อง
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๓ พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ขณะที่เจ้าพนักงานศาลนำหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องไปปิดก็ดี และนำหมายนัดสืบพยานโจทก์ไปส่งให้แก่จำเลยทั้งสองก็ดี จำเลยทั้งสองยังคงมีภูมิลำเนาตามฟ้อง การส่งหมายเรียก สำเนาคำฟ้องและหมายนัดสืบพยานโจทก์ให้แก่จำเลยทั้งสองชอบแล้ว ส่วนที่จำเลยทั้งสองฎีกาว่า จำเลยที่ ๑ มีเหตุจำเป็นต้องทำตามคำสั่งของนายจวนซึ่งเป็นนายจ้างทำให้ไปศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์ไม่ได้ จึงน่าจะรับฟังว่า จำเลยทั้งสองมิได้จงใจขาดนัดพิจารณานั้น ศาลฎีกาเห็นว่า แม้ข้อเท็จจริงจะรับฟังได้ตามที่จำเลยที่ ๑ เบิกความว่าในวันนัดสืบพยานโจทก์ จำเลยที่ ๑ ขอเบิกเงินค่าจ้างจากนายจวนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการมาศาลแต่นายจวนไม่ให้และสั่งให้จำเลยที่ ๑ ดูแลรับผิดชอบยางพาราด้วยก็ตาม จำเลยที่ ๑ ก็จะนำเอาเหตุดังกล่าวมาอ้างว่าจำเลยทั้งสองมิได้จงใจขาดนัดพิจารณาไม่ได้ เพราะจำเลยที่ ๑ อาจจะมอบอำนาจให้จำเลยที่ ๒ ซึ่งเป็นภริยาของตนมาขอเลื่อนคดีได้ แต่จำเลยที่ ๑ ก็ไม่กระทำ อีกทั้งจำเลยที่ ๒ เองก็มิได้มาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์ด้วย จึงถือได้ว่าจำเลยทั้งสองจงใจขาดนัดพิจารณา
พิพากษายืน.

Share