แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
การที่โจทก์ทราบคำสั่งศาลชั้นต้นซึ่งกำหนดให้นำส่งสำเนาอุทธรณ์แล้ว แต่ไม่นำส่งสำเนาอุทธรณ์ภายในระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดถือได้ว่าโจทก์ไม่ดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดไว้เพื่อการนั้นโดยชอบ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 174(2) ประกอบด้วยมาตรา 246 จึงเป็นการทิ้งฟ้องอุทธรณ์.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของจำเลยที่ 2จำเลยที่ 2 เป็นเจ้าของที่ดินพิพาทโฉนดเลขที่ 1260 ร่วมกับภริยาจำเลยที่ 1 และที่ดินพิพาทเป็นสินสมรสระหว่างโจทก์และจำเลยที่ 2จำเลยที่ 2 ได้ทำสัญญาจะขายที่ดินพิพาทเฉพาะส่วนของจำเลยที่ 2ให้จำเลยที่ 1 โดยโจทก์ไม่ได้ให้ความยินยอม จำเลยที่ 1 ได้ฟ้องบังคับให้จำเลยที่ 2 โอนขายที่ดินให้ตามสัญญาต่อศาลจังหวัดมีนบุรีต่อมาจำเลยทั้งสองได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน ศาลพิพากษาไปตามยอมเป็นคดีหมายเลขแดงที่ 388/2532 โดยจำเลยที่ 2 จะต้องไปจดทะเบียนการโอนที่ดินพิพาทให้จำเลยที่ 1 ทั้งนี้โดยโจทก์ไม่ได้ให้ความยินยอม ขอให้เพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความในคดีหมายเลขแดงที่ 388/2532 ของศาลจังหวัดมีนบุรี
ระหว่างไต่สวนคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษาศาลชั้นต้นเห็นว่าฟ้องโจทก์คดีนี้เป็นคดีเรื่องเดียวกันกับคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 6574/2532 ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 173(1) พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ของโจทก์ และสั่งให้โจทก์นำส่งสำเนาอุทธรณ์แก่จำเลยทั้งสองภายใน 7 วัน โจทก์ทราบคำสั่งดังกล่าวของศาลชั้นต้นเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2532 เจ้าพนักงานบังคับคดีรายงานต่อศาลชั้นต้นเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2532 ว่า โจทก์ไม่มานำส่งสำเนาอุทธรณ์ ต่อมาวันที่ 8 มกราคม 2533 โจทก์ยื่นคำร้องขอส่งสำเนาอุทธรณ์โดยอ้างว่า ได้ติดตามเพื่อนำส่งสำเนาอุทธรณ์ตามที่ศาลชั้นต้นสั่งแล้ว แต่มีเหตุขัดข้องเจ้าหน้าที่ได้หาสำนวนไม่พบจึงนำส่งสำเนาอุทธรณ์ตามคำสั่งของศาลชั้นต้นไม่ได้ โจทก์มิได้ปล่อยปละละเลยคดี ศาลชั้นต้นสั่งให้ส่งสำนวนไปยังศาลอุทธรณ์เพื่อพิจารณาสั่ง
ศาลอุทธรณ์ มีคำสั่งให้จำหน่ายคดีเสียจากสารบบความศาลอุทธรณ์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยว่า โจทก์ทิ้งฟ้องอุทธรณ์หรือไม่ ข้อเท็จจริงปรากฏว่า โจทก์ทราบคำสั่งศาลชั้นต้นที่กำหนดให้โจทก์นำส่งสำเนาอุทธรณ์แก่จำเลยแล้วตั้งแต่วันที่ 20 พฤศจิกายน 2532 แต่โจทก์มิได้ร้องขอต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อให้ส่งหมายเรียกและสำเนาอุทธรณ์แก่จำเลยภายในกำหนด 7 วัน นับแต่ทราบคำสั่งของศาลชั้นต้น …เห็นว่าแม้จะมีเหตุขัดข้องทำให้ส่งสำเนาอุทธรณ์แก่จำเลยไม่ได้อย่างไรโจทก์ก็จะเพิกเฉยไม่แจ้งเหตุและขออนุญาตขยายระยะเวลาเพื่อนำส่งสำเนาอุทธรณ์แก่จำเลยหาได้ไม่ ตามคำร้องของโจทก์ลงวันที่ 8มกราคม 2533 ก็ไม่ปรากฏว่ามีเหตุสุดวิสัยอย่างใดที่ทำให้โจทก์ไม่อาจแจ้งเหตุและขออนุญาตขยายระยะเวลาเพื่อนำส่งสำเนาอุทธรณ์แก่จำเลยไม่ได้ก่อนวันที่ 27 พฤศจิกายน 2532 ซึ่งเป็นวันครบกำหนดระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดให้โจทก์นำส่งสำเนาอุทธรณ์แก่จำเลยการที่โจทก์ไม่นำส่งสำเนาอุทธรณ์แก่จำเลยภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดถือได้ว่า โจทก์ไม่ดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดไว้เพื่อการนั้นโดยชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 174(2) ประกอบด้วยมาตรา 246 จึงเป็นการทิ้งฟ้องอุทธรณ์คำสั่งศาลอุทธรณ์ชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.