คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5872/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โทษปรับถือเป็นโทษอย่างหนึ่งในจำพวกโทษทั้ง 5 ชนิด ที่ลงแก่ผู้กระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 18(5) เมื่อศาลลงโทษปรับจำเลยและมีการชำระค่าปรับครบถ้วนแล้วในวันเวลาใด ย่อมถือได้ว่าจำเลยได้พ้นโทษนับแต่วันที่ชำระค่าปรับนั้นแล้ว ฉะนั้นหากจำเลยพ้นโทษปรับแล้วยังไม่ครบกำหนด 3 ปี มา กระทำความผิดต่อพระราชบัญญัติการพนันนี้อีกจึงเข้าหลักเกณฑ์ต้องวางโทษทั้งจำทั้งปรับตามวิธีการที่พระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 มาตรา14 ทวิ บัญญัติไว้ในอนุมาตรา (1) หรือ (2) แล้วแต่กรณี.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งห้ามตามพระราชบัญญัติการพนันพ.ศ. 2478 มาตรา 4, 5, 6, 10, 12, 14 ทวิ, 15 พระราชบัญญัติการพนัน(ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2485 มาตรา 3 พระราชบัญญัติการพนัน (ฉบับที่ 5)พ.ศ. 2490 มาตรา 3 พระราชบัญญัติการพนัน (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2504มาตรา 3 ริบของกลาง จ่ายเงินสินบนแก่ผู้นำจับตามกฎหมาย และวางโทษทั้งจำทั้งปรับในการลงโทษจำเลยที่ 1 ในคดีนี้ด้วย
จำเลยทั้งห้าให้การรับสารภาพ และจำเลยที่ 1 รับว่าเคยต้องคำพิพากษาตามคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1378/2531 ของศาลชั้นต้นจริงตามฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 มาตรา 4, 5, 6, 10, 12, 14 ทวิ, 15 พระราชบัญญัติการพนัน (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2485 มาตรา 3 พระราชบัญญัติการพนัน(ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2490 มาตรา 3 พระราชบัญญัติการพนัน (ฉบับที่ 7)พ.ศ. 2504 มาตรา 3 จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 2เดือน ปรับ 1,000 บาท จำเลยนอกนั้นให้ปรับคนละ 500 บาท โทษจำคุกจำเลยที่ 1 รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี ไม่ชำระค่าปรับให้บังคับตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ของกลางริบ ให้จำเลยจ่ายเงินสินบนนำจับกึ่งหนึ่งของค่าปรับแก่ผู้นำจับ จำเลยที่ 1 ถูกศาลพิพากษาปรับหาใช่กรณีพ้นโทษตามพระราชบัญญัติการพนันไม่ จึงไม่อาจลงโทษทั้งจำทั้งปรับ คำขอในส่วนนี้ให้ยก
โจทก์อุทธรณ์ขอให้วางโทษจำเลยที่ 1 ทั้งจำทั้งปรับ
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายขอให้วางโทษจำเลยที่ 1 พระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 14 ทวิ(2) พระราชบัญญัติการพนัน (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2485 มาตรา 3 ในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายนี้ ศาลฎีกาต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวน คดีนี้ ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ 1 เคยต้องโทษฐานเล่นการพนันไฮโล ศาลพิพากษาปรับ 500 บาท จำเลยที่ 1 กลับมากระทำผิดในคดีนี้อีกภายในเวลาไม่ถึง 3 ปี นับแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยมีว่า จะวางโทษจำเลยที่ 1 ตามพระราชบัญญัติการพนันพ.ศ. 2478 มาตรา 14 ทวิ(2) ที่แก้ไขแล้วได้หรือไม่ พระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 มาตรา 14 ทวิ ที่แก้ไขแล้วบัญญัติว่า”ผู้ใดกระทำความผิดต้องระวางโทษตามพระราชบัญญัตินี้ เมื่อพ้นโทษแล้วยังไม่ครบกำหนดสามปี กระทำความผิดต่อพระราชบัญญัตินี้อีก(1)…(2) ถ้าโทษซึ่งกำหนดไว้สำหรับความผิดที่กระทำครั้งหลังเป็นโทษจำคุกหรือปรับให้วางโทษทั้งจำทั้งปรับ”
ศาลฎีกาเห็นว่า โทษปรับถือเป็นโทษอย่างหนึ่งในจำพวกโทษทั้ง 5 ชนิดที่ลงแก่ผู้กระทำผิดตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญามาตรา 18(4) เมื่อศาลลงโทษปรับจำเลยที่ 1 และมีการชำระค่าปรับครบถ้วนแล้วในวันเวลาใด ย่อมถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้พ้นโทษนับแต่วันที่ชำระค่าปรับนั้นแล้ว ฉะนั้น หากจำเลยที่ 1 พ้นโทษปรับแล้วไม่ครบกำหนด 3 ปี มากระทำความผิดต่อพระราชบัญญัติการพนันนี้อีก จึงเข้าหลักเกณฑ์ต้องวางโทษทั้งจำทั้งปรับตามวิธีการที่พระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 มาตรา 14 ทวิ ที่แก้ไขแล้ว บัญญัติไว้ในอนุมาตรา (1) หรือ (2) แล้วแต่กรณี
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้วางโทษจำเลยที่ 1 ทั้งจำทั้งปรับตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 มาตรา 14 ทวิ(2) ที่แก้ไขแล้ว ให้จำคุก 6 เดือน ปรับ 3,000 บาท ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้ว คงจำคุก 3 เดือน ปรับ 1,500 บาทโทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.

Share