แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ที่โจทก์ฟ้องว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ห้ามจำเลยเข้าเกี่ยวข้องและให้จำเลยเพิกถอนคำร้องคัดค้านการที่โจทก์ขอออก น.ส.3 นั้น เป็นกรณีพิพาทระหว่างราษฎรด้วยกันที่โจทก์กล่าวหาจำเลยเรื่องถูกรบกวนการครอบครองในที่ดินที่โจทก์อ้างว่ามีสิทธิครอบครอง แม้การที่ทางราชการไม่ออก น.ส.3 ให้โจทก์ จะไม่ใช่เพราะจำเลยไปคัดค้านแต่เพราะเจ้าหน้าที่สอบสวนแล้วเห็นว่าเป็นที่สาธารณะก็ตาม ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งต่างหากจากข้อโต้แย้งที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ระหว่างโจทก์จำเลย โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ยื่นเรื่องราวเพื่อขอ น.ส.3 สำหรับที่ดินของโจทก์จำเลยไปคัดค้านว่าเป็นที่สาธารณะ เจ้าพนักงานที่ดินจึงไม่ออก น.ส.3ให้โจทก์ ขอให้แสดงว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ ห้ามจำเลยเข้าเกี่ยวข้อง และให้โจทก์จำเลยเพิกถอนคำร้องคัดค้าน
จำเลยทั้ง 5 ให้การว่า จำเลยที่ 1, 2 ยื่นคำร้องคัดค้านเพราะที่พิพาทเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ราษฎรใช้ร่วมกัน จำเลยที่ 3, 4, 5 คัดค้านเพราะโจทก์รังวัดทับที่ดินของตน
วันนัดสืบพยานโจทก์ โจทก์จำเลยแถลงรับกันว่า เจ้าพนักงานไม่ยอมออก น.ส.3 ให้โจทก์ เพราะจำเลยทั้ง 5 ไปคัดค้านต่อทางอำเภอ ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานแล้ววินิจฉัยว่า เจ้าพนักงานที่ดินอำเภอไม่ออก น.ส.3 ให้โจทก์เพราะเห็นว่าเป็นที่สาธารณะ หาใช่เป็นเพราะการคัดค้านของจำเลยไม่ โจทก์ขอให้บังคับจำเลยตามฟ้องไม่ได้ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทกันตามข้อต่อสู้ของสองฝ่าย โดยให้โจทก์เป็นฝ่ายสืบก่อน แล้วจำเลยสืบแก้ตามข้อต่อสู้ จำเลยอ้างเอกสารของทางอำเภอและทางอำเภอได้ส่งศาล (อันดับ 30ในสำนวน) ปรากฏว่าเป็นเรื่องราวการสอบสวนที่คณะกรรมการของทางราชการได้ทำการสอบสวนเรื่องที่โจทก์ขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3)ในที่พิพาทโดยคณะกรรมการลงความเห็นว่า ที่พิพาทเป็นที่สาธารณะประจำหมู่บ้าน ราษฎรใช้ร่วมกัน จะออก น.ส.3 ให้โจทก์มิได้ ศาลฎีกาเห็นว่า ที่โจทก์ฟ้องว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ห้ามจำเลยเข้าเกี่ยวข้องและให้จำเลยเพิกถอนคำร้องคัดค้านการขอออก น.ส.3 ตามคำขอท้ายฟ้องนั้น เป็นกรณีพิพาทระหว่างราษฎรด้วยกันที่โจทก์กล่าวหาจำเลยเรื่องถูกรบกวนการครอบครองในที่ดินที่โจทก์อ้างว่ามีสิทธิครอบครอง โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลย ส่วนการที่ทางอำเภอหรือเจ้าพนักงานที่ดินไม่ออก น.ส.3 ให้โจทก์นั้นก็เป็นเรื่องหนึ่งต่างหากจากข้อโต้แย้งที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ระหว่างโจทก์กับจำเลยและสำหรับปัญหาที่ว่าโจทก์มีสิทธิครอบครองหรือไม่เพียงใดนั้น ข้อเท็จจริงหาใช่ต้องฟังเป็นยุติตามความเห็นของคณะกรรมการสอบสวนที่จำเลยอ้างส่งศาลไม่ ชอบที่จะฟังข้อเท็จจิงตามประเด็นนี้เสียก่อน ดังนั้น จึงไม่ชอบที่จะสั่งงดสืบพยานและพิพากษายกฟ้องโจทก์ดังความเห็นของศาลล่างทั้งสองฎีกาโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษายกคำพิพากษาศาลล่างทั้งสอง ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการสืบพยานตามประเด็นแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี