คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2065-2066/2520

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ไม้ของกลางเป็นไม้ของโรงเลื่อยจักรซึ่งได้เสียค่าภาคหลวงโดยชอบ และได้ขายให้แก่จำเลย โดยมีใบเบิกทางซึ่งระบุตราประทับไม้ไม่ตรงกับรอยตราที่ประทับอยู่ที่ไม้ แต่จำนวนและชนิดของไม้ก็ถูกต้องตรงกับใบเบิกทาง จึงไม่ใช่ไม้ที่มีไว้โดยผิดกฎหมาย หากจะเป็นความผิดก็เป็นความผิดฐานอื่นมิใช่ความผิดฐานมีไม้แปรรูปไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต

ย่อยาว

โจทก์ทั้งสองสำนวนฟ้องมีใจความอย่างเดียวกันว่า จำเลยทั้งสองสำนวนร่วมกันแปรรูปไม้และมีไม้แปรรูปดังกล่าวไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป่าไม้ฯ และริบของกลาง
จำเลยทั้งสองสำนวนให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษว่าจำเลยทั้งสองสำนวนมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.๒๔๘๔ มาตรา ๔๘,๗๓,๗๔,๗๔ ทวิ พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ.๒๕๐๓ มาตรา ๑๗,๑๘ พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ ๕) พ.ศ.๒๕๑๘ มาตรา ๑๙ พระราชกฤษฎีกากำหนดไม้หวงห้าม พ.ศ.๒๕๐๕ มาตรา ๔ ประกาศกระทรวงเกษตรเรื่องกำหนดเขตควบคุมการแปรรูปไม้ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.๒๔๘๔ ลงวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๔๙๙ ให้จำคุกคนละ ๒ ปี และปรับจำเลยที่ ๒ อีก ๑๐,๐๐๐ บาท ริบไม้และรถยนต์ของกลาง
จำเลยทั้งสองสำนวนอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ คืนไม้และรถยนต์ของกลางแก่เจ้าของ
โจทก์ฎีกาทั้งสองสำนวน
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จับจำเลยได้พร้อมไม้ของกลางอยู่ในรถยนต์โดยมีใบเบิกทางซึ่งระบุตราประทับไม้ไม่ตรงกับรอยตราที่ประทับอยู่ที่ไม้นั้นเท่านั้น แต่จำนวนและชนิดของไม้ก็ถูกต้องตรงกับใบเบิกทาง และเป็นไม้ที่จำเลยซื้อจากโรงเลื่อยจักรและได้เสียค่าภาคหลวงแล้ว จึงเป็นไม้ซึ่งแปรรูปโดยโรงเลื่อยจักร หาใช่จำเลยทั้งสองร่วมกันแปรรูปไม้ และหาใช่ไม้แปรรูปที่มิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ไม่
ส่วนที่โจทก์ฎีกาว่า ตราไม้ของกลางไม่ตรงกับที่ระบุไว้ในใบเบิกทางจึงต้องฟังว่าจำเลยกระทำความผิดตามฟ้องนั้น ก็เห็นว่าเมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าไม้ของกลางเป็นไม้ของโรงเลื่อยจักรสุขกมล ซึ่งได้ค่าเสียค่าภาคหลวงโดยชอบแล้ว เพียงแต่ไม้ของกลางมีตราประทับไม่ตรงตามใบเบิกทางเท่านั้น หาทำให้ไม้นั้นเป็นไม้ที่มีไว้ผิดกฎหมายไม่ หากจะเป็นความผิดก็เป็นความผิดฐานอื่น มิใช่ความผิดฐานมีไม้แปรรูปไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาตดังที่โจทก์ฟ้อง
พิพากษายืน

Share