แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ป.วิ.พ. มาตรา 229 “การอุทธรณ์นั้นให้ทำเป็นหนังสือยื่นต่อศาลชั้นต้นซึ่งมีคำพิพากษาหรือคำสั่งภายในกำหนดหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ได้อ่านคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้น และผู้อุทธรณ์ต้องนำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำพิพากษาหรือคำสั่งมาวางศาลพร้อมกับอุทธรณ์นั้นด้วย…” จำเลยทั้งสามยื่นอุทธรณ์โดยชำระค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ แต่ไม่ได้นำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นมาวางศาลพร้อมกับอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสามและส่งสำเนาให้โจทก์ หลังจากโจทก์ยื่นคำแก้อุทธรณ์เพียง 1 วัน จำเลยทั้งสามยื่นคำแถลงขอวางเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แทนโจทก์โดยอ้างว่าวางเงินค่าธรรมเนียมใช้แทนไม่ครบ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับไว้ แล้วส่งสำนวนไปศาลอุทธรณ์ภาค 7 ตามพฤติการณ์จำเลยทั้งสามจึงไม่ได้จงใจที่จะไม่ปฏิบัติตาม ป.วิ.พ. มาตรา 229 แม้ถือไม่ได้ว่าศาลชั้นต้นได้ขยายระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมใช้แทนให้แก่จำเลยทั้งสามตามมาตรา 23 แต่การที่จำเลยทั้งสามยื่นคำแถลงขอวางเงินดังกล่าวเป็นการขออนุญาตให้ศาลชั้นต้นใช้อำนาจทั่วไปตามกฎหมาย ซึ่งเป็นดุลพินิจที่ศาลชั้นต้นจะพิจารณา เมื่อศาลชั้นต้นเห็นควรให้โอกาสจำเลยทั้งสามโดยรับเงินค่าธรรมเนียมใช้แทนดังกล่าวไว้จึงชอบด้วยวิธีพิจารณา กรณีจึงถือได้ว่าจำเลยทั้งสามยื่นอุทธรณ์โดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินจำนวน 95,818 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 90,870 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสามให้การและแก้ไขคำให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินจำนวน 95,818 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 90,870 บาท นับถัดจากวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 30 กันยายน 2559) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ กับให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนด ค่าทนายความ 3,000 บาท
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 7 วินิจฉัยว่า จำเลยทั้งสามอุทธรณ์โดยไม่ได้นำเงินค่าธรรมเนียมที่จะต้องใช้แทนโจทก์มาวางศาลพร้อมอุทธรณ์ และจำเลยทั้งสามนำเงินค่าธรรมเนียมดังกล่าวมาวางศาลภายหลังเมื่อเกินกำหนดระยะเวลาอุทธรณ์แล้ว จึงเป็นอุทธรณ์ที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229 พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสาม ให้คืนค่าธรรมเนียมศาลชั้นอุทธรณ์ทั้งหมดให้แก่จำเลยทั้งสาม ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์นอกจากนี้ให้เป็นพับ
จำเลยทั้งสามฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งสามว่า การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสามชอบหรือไม่ เห็นว่า ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229 บัญญัติว่า “การอุทธรณ์นั้นให้ทำเป็นหนังสือยื่นต่อศาลชั้นต้นซึ่งมีคำพิพากษาหรือคำสั่งภายในกำหนดหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ได้อ่านคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้น และผู้อุทธรณ์ต้องนำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำพิพากษาหรือคำสั่งมาวางศาลพร้อมกับอุทธรณ์นั้นด้วย…” ข้อเท็จจริงปรากฏว่าจำเลยทั้งสามยื่นอุทธรณ์โดยชำระค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ แต่ไม่ได้นำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นมาวางศาลพร้อมกับอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสามและส่งสำเนาให้โจทก์ หลังจากโจทก์ยื่นคำแก้อุทธรณ์เพียง 1 วัน จำเลยทั้งสามยื่นคำแถลงขอวางเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แทนโจทก์โดยอ้างว่าวางเงินค่าธรรมเนียมใช้แทนไม่ครบ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับไว้ แล้วส่งสำนวนไปศาลอุทธรณ์ภาค 7 ตามพฤติการณ์จำเลยทั้งสามจึงไม่ได้จงใจที่จะไม่ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229 แม้ถือไม่ได้ว่าศาลชั้นต้นได้ขยายระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมใช้แทนให้แก่จำเลยทั้งสามตามมาตรา 23 แต่การที่จำเลยทั้งสามยื่นคำแถลงขอวางเงินดังกล่าวเป็นการขออนุญาตให้ศาลชั้นต้นใช้อำนาจทั่วไปตามกฎหมาย ซึ่งเป็นดุลพินิจที่ศาลชั้นต้นจะพิจารณา เมื่อศาลชั้นต้นเห็นควรให้โอกาสจำเลยทั้งสามโดยรับเงินค่าธรรมเนียมใช้แทนดังกล่าวไว้จึงชอบด้วยวิธีพิจารณาและกรณีจึงถือได้ว่าจำเลยทั้งสามยื่นอุทธรณ์โดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสามนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยทั้งสามฟังขึ้น
พิพากษายกคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 7 ให้ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิจารณาและพิพากษาใหม่ตามรูปคดี ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้ศาลอุทธรณ์ภาค 7 รวมสั่งเมื่อมีคำพิพากษาใหม่