แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฝากเงินกับธนาคารจำเลยโดยมีข้อตกลงว่าโจทก์จะถอนเงินฝากเมื่อใดก็ได้โดยนำสมุดเงินฝากมาแสดง ปรากฏตามสมุดเงินฝากว่าครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2514 โจทก์มีเงินฝากคงเหลืออยู่ในบัญชี 60,124.84 บาท โจทก์มิได้ปิดบัญชีกับจำเลย การที่โจทก์ขอถอนเงินจากบัญชีของโจทก์ในปี 2529 แล้วจำเลยไม่ยอมจ่ายเงินให้อ้างว่าบัญชีของโจทก์ปิดแล้วนั้น ย่อมเป็นการผิดสัญญาฝากทรัพย์ซึ่งไม่มีกำหนดอายุความไว้ จึงต้องใช้อายุความทั่วไป 10 ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 เดิม เมื่อนับถึงวันฟ้องวันที่ 4 กันยายน 2532 ยังไม่ถึง 10 ปี คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้ฝากเงินไว้กับธนาคารจำเลย สาขาชุมพร เป็นบัญชีเงินฝากประเภทออมทรัพย์จำนวนเงิน 100,000 บาทมีข้อตกลงว่าโจทก์จะถอนเงินฝากเมื่อใดก็ได้โดยต้องนำสมุดเงินฝากมาแสดงต่อจำเลย โจทก์ทำการฝากและถอนเงินหลายครั้ง ครั้งสุดท้ายมียอดเงินคงเหลืออยู่จำนวน 60,124.84 บาท ต่อมาในปี 2529 โจทก์ขอถอนเงินฝากคืนจากจำเลย แต่จำเลยอ้างว่าบัญชีเงินฝากของโจทก์ถูกถอนไปจนหมดแล้ว ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยรวมจำนวน 199,264.98 บาท ให้แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยของต้นเงินจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การว่า โจทก์ได้เปิดบัญชีเงินฝากตามฟ้องร่วมกับนางลิ่มมุ้ยบุ้น ได้มีการถอนเงินจากบัญชีและปิดบัญชีแล้วเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2514 โจทก์หรือนางลิ่มมุ้ยบุ้นอาจฝากหรือถอนเงินได้โดยไม่ต้องนำสมุดเงินฝากมาแสดงต่อจำเลย ฟ้องโจทก์ขาดอายุความเพราะเป็นการฝากเงินโดยไม่มีกำหนดเวลาถอนคืน ซึ่งโจทก์มีสิทธิถอนเงินฝากนับแต่วันฝาก และเมื่อนับจากวันฝากถึงวันฟ้องเป็นเวลาเกิน 10 ปี ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยชำระเงินจำนวน 60,124.84 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 11พฤศจิกายน 2514 จนกว่าจำเลยจะชำระเสร็จแก่โจทก์ (แต่ดอกเบี้ยนับถึงวันฟ้องวันที่ 4 กันยายน 2532 ให้โจทก์ได้รับไม่เกิน139,140.14 บาท
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาเรื่องอายุความที่จำเลยฎีกาว่าจะนำมาตรา 1336 ประกอบด้วยมาตรา 665 และมาตรา 666 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาใช้บังคับกับคดีนี้ไม่ถูกต้องนั้นข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติตามศาลอุทธรณ์ว่า โจทก์ฝากเงินกับธนาคารจำเลย สาขาชุมพร จำนวน 100,000 บาท มีข้อตกลงว่าโจทก์จะถอนเงินฝากเมื่อใดก็ได้โดยนำสมุดเงินฝากมาแสดง โจทก์ฝากเงินและถอนเงินจากบัญชีหลายครั้ง ครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2514 ซึ่งมีเงินฝากคงเหลืออยู่ในบัญชี 60,124.84 บาท โจทก์มิได้ปิดบัญชีกับจำเลย โจทก์มีสมุดเงินฝากของธนาคารจำเลยมาแสดงโดยไม่ปรากฏว่าสมุดเงินฝากดังกล่าวโจทก์ได้ถอนเงินที่ฝากไว้กับธนาคารจำเลยไปแล้ว ในปี 2529 โจทก์ติดต่อเพื่อขอถอนเงินกับธนาคารจำเลยสาขาชุมพร แต่ได้รับแจ้งว่าจำเลยปิดบัญชีเงินฝากของโจทก์เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2514 โจทก์มีหนังสือทวงถามแล้ว เห็นว่าการที่โจทก์ขอถอนเงินจากบัญชีของโจทก์แล้วจำเลยไม่ยอมจ่ายเงินให้อ้างว่าบัญชีของโจทก์ปิดแล้วนั้น ย่อมเป็นการผิดสัญญาฝากทรัพย์ซึ่งไม่มีกำหนดอายุความไว้ จึงต้องใช้อายุความทั่วไป 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 เดิม เมื่อโจทก์ขอถอนเงินในปี 2529 นับถึงวันฟ้องวันที่ 4 กันยายน 2532 ยังไม่ถึง10 ปี คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
พิพากษายืน