คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5840/2541

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

พระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทพ.ศ. 2518 มาตรา 116 บัญญัติไว้เฉพาะกรณีมีการลงโทษตามมาตราต่าง ๆ ดังที่ระบุไว้เท่านั้น แต่คดีนี้ศาลมิได้ลงโทษจำเลยแต่อย่างใด ประกอบกับในปัจจุบันเมทแอมเฟตามีนของกลางเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 135(พ.ศ. 2539) เรื่องระบุชื่อ และประเภทยาเสพติดให้โทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 ลงวันที่ 23 กรกฎาคม 2539 จึงต้องริบตามที่ บัญญัติไว้โดยเฉพาะในมาตรา 102 แห่งพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษฯ ซึ่งโจทก์มีคำขอไว้แล้ว จะสั่งให้ริบวัตถุออกฤทธิ์ของกลางให้แก่กระทรวงสาธารณสุขไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 4, 6, 13 ทวิ,62, 89, 106, 116 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33 ริบวัตถุออกฤทธิ์ของกลางให้แก่กระทรวงสาธารณสุขคืนธนบัตรที่ใช้ล่อซื้อของกลางจำนวน 100 บาท แก่เจ้าพนักงาน และนับโทษจำเลยต่อจากโทษของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1664/2540 ของศาลชั้นต้น
จำเลยให้การปฏิเสธแต่รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่ขอให้นับโทษต่อ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 13 ทวิ วรรคหนึ่ง89 จำคุก 5 ปี จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 หนึ่งในสี่ คงจำคุก 3 ปี 9 เดือนให้นับโทษจำคุกต่อจากโทษของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1664/2540 ของศาลชั้นต้น ริบวัตถุออกฤทธิ์ของกลางให้แก่กระทรวงสาธารณสุข คืนธนบัตรที่ใช้ล่อซื้อของกลางจำนวน 100 บาทแก่เจ้าพนักงาน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง แต่วัตถุออกฤทธิ์ของกลางเป็นทรัพย์ที่ผู้ใดมีไว้เป็นความผิดจึงให้ริบให้แก่กระทรวงสาธารณสุข ส่วนธนบัตรของกลางให้คืนไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้ว่าตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง เจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยกับยึดได้เมทแอมเฟตามีน 1 เม็ด น้ำหนัก 0.08 กรัม และธนบัตรฉบับละ 100 บาท 1 ฉบับ เป็นของกลาง คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยได้กระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ รูปคดีมีความสงสัยตามสมควรว่า จำเลยได้กระทำผิดดังฟ้องหรือไม่จึงให้ยกประโยชน์แห่งความสงสัยนั้นให้จำเลยตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 227 วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
อนึ่ง ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ริบวัตถุออกฤทธิ์ของกลางให้แก่กระทรวงสาธารณสุขนั้น ไม่ถูกต้อง เพราะตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 116 บัญญัติไว้เฉพาะกรณีมีการลงโทษตามมาตราต่าง ๆ ดังที่ระบุไว้เท่านั้นแต่คดีนี้ศาลมิได้ลงโทษอย่างใดประกอบกับในปัจจุบันเมทแอมเฟตามีนของกลางเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 135 (พ.ศ. 2539) เรื่องระบุชื่อและประเภทยาเสพติดให้โทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 ลงวันที่ 23 กรกฎาคม 2539 จึงต้องริบตามที่บัญญัติไว้โดยเฉพาะในมาตรา 102 แห่งพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 ซึ่งโจทก์มีคำขอไว้แล้ว”
พิพากษายืน ให้ริบเมทแอมเฟตามีนของกลาง

Share