คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 583/2524

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 221 มิได้บัญญัติ ให้ศาลชั้นต้นมีหน้าที่ต้องส่งฎีกาไปให้ผู้พิพากษาซึ่ง พิจารณาพิพากษาคดีในชั้นอุทธรณ์รับรองฎีกา การรับรองและ การอนุญาตให้ฎีกาเป็นประโยชน์แก่ผู้ฎีกาเองก็ควรที่ผู้ฎีกาจะขวนขวายให้มีการรับรองและอนุญาตเอง การที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ไม่รับและสั่งยกคำร้องของโจทก์ร่วมจึงชอบแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องจำเลยฐานบุกรุกขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 362, 365, 83, 84

ร้อยตำรวจเอกเชฐ ไล่ศัตรูไกล ผู้เสียหายขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลอนุญาต

จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องของโจทก์และโจทก์ร่วม

โจทก์ร่วมอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ร่วมยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นขอให้ศาลชั้นต้นส่งฎีกาของโจทก์ร่วมซึ่งเสนอพร้อมกับคำร้องไปให้ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ซึ่งเป็นผู้พิจารณาพิพากษาคดีในชั้นอุทธรณ์รับรองฎีกาของโจทก์ร่วม ศาลชั้นต้นสั่งคำร้องของโจทก์ร่วมว่า เป็นกรณีที่จะต้องไปยื่นต่อศาลอุทธรณ์โดยตรง จึงไม่รับคำร้อง

โจทก์ร่วมอุทธรณ์คำสั่ง

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ร่วมฎีกา

ศาลฎีกาพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 221 ได้บัญญัติว่า “ในคดีซึ่งห้ามฎีกาไว้โดยมาตรา 218, 219 และ 220 แห่งประมวลกฎหมายนี้ ถ้าผู้พิพากษาคนใดซึ่งพิจารณาหรือลงชื่อในคำพิพากษาหรือทำความเห็นแย้งในศาลชั้นต้น หรือศาลอุทธรณ์พิเคราะห์เห็นว่าข้อความที่ตัดสินนั้นเป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลสูงสุดและอนุญาตให้ฎีกา หรืออธิบดีกรมอัยการลงลายมือชื่อรับรองในฎีกาว่ามีเหตุอันควรที่ศาลสูงสุดจะได้วินิจฉัย ก็ให้รับฎีกานั้นไว้พิจารณาต่อไป” ศาลฎีกาเห็นว่ากฎหมายมิได้บัญญัติให้ศาลชั้นต้นมีหน้าที่ต้องส่งฎีกาไปให้ผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาพิพากษาคดีในชั้นอุทธรณ์รับรองฎีกา การรับรองและการอนุญาตให้ฎีกาเป็นประโยชน์แก่ผู้ฎีกาเองก็ควรที่ผู้ฎีกาจะขวนขวายให้มีการรับรองและอนุญาตเอง การที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ไม่รับและสั่งยกคำร้องของโจทก์ร่วมจึงชอบแล้ว

พิพากษายืน

Share