คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5813/2539

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา880บัญญัติให้ผู้รับประกันภัยซึ่งได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนไปเข้ารับช่วงสิทธิของผู้เอาประกันภัยและของผู้รับประโยชน์ซึ่งมีต่อบุคคลภายนอกได้เมื่อผู้เอาประกันภัยมีสิทธิฟ้องร้องบุคคลภายนอกในอายุความอย่างใดผู้รับประกันภัยก็ย่อมมีสิทธิฟ้องร้องบุคคลภายนอกภายในอายุความอย่างเดียวกัน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยใช้เงินค่าเสียหายและดอกเบี้ยจำนวน99,177 บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงิน 90,900 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลย ให้การ ขอให้ ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้น พิพากษายก ฟ้อง
โจทก์ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับให้จำเลยใช้ค่าเสียหายจำนวน90,900 บาท แก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2534 จนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยฎีกาโดยผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นได้รับรองว่ามีเหตุสมควรที่จะฎีกาในข้อเท็จจริงได้
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้วข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติในเบื้องต้นว่าตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุ จำเลยขับรถยนต์หมายเลขทะเบียน 7ข-3816 กรุงเทพมหานคร เฉี่ยวชนกับรถยนต์หมายเลขทะเบียน3ธ-7276 กรุงเทพมหานคร ที่โจทก์รับประกันภัยไว้ตามกรมธรรม์ประกันภัยเอกสารหมาย จ.3 เป็นเหตุให้รถยนต์คันที่โจทก์รับประกันภัยไว้เสียหาย โจทก์ได้นำรถยนต์คันดังกล่าวไปทำการซ่อมและติดต่อให้จำเลยชำระเงินค่าซ่อม แต่จำเลยไม่ชำระ
ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยข้อแรกมีว่า ฟ้องโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ เห็นว่า ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 880บัญญัติให้ผู้รับประกันภัยซึ่งได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนไปเข้ารับช่วงสิทธิของผู้เอาประกันภัยและของผู้รับประโยชน์ซึ่งมีต่อบุคคลภายนอกได้ ดังนั้นถ้าผู้เอาประกันภัยมีสิทธิฟ้องร้องบุคคลภายนอกในอายุความอย่างใด ผู้รับประกันภัยซึ่งเป็นผู้รับช่วงสิทธิก็ย่อมจะมีสิทธิฟ้องร้องบุคคลภายนอกภายในอายุความอย่างเดียวกัน ซึ่งกรณีนี้ผู้เอาประกันภัยมีสิทธิฟ้องจำเลยผู้ทำละเมิดภายในหนึ่งปีนับแต่รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนแต่ไม่เกินสิบปีนับแต่วันทำละเมิด ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 448 วรรคแรกเหตุคดีนี้เกิดวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2534 โจทก์ฟ้องจำเลยวันที่15 ตุลาคม 2535 ได้ความว่าขณะเกิดเหตุนางสุทธิวิไล ศรีวรพงษ์เดชผู้เอาประกันภัยรถยนต์คันที่โจทก์รับประกันภัยไว้อยู่ในรถยนต์คันดังกล่าว และได้รับบาดเจ็บจึงอาศัยรถที่ผ่านมาไปส่งโรงพยาบาลข้อเท็จจริงฟังได้ว่า นางสุทธิวิไลและโจทก์ทราบว่า จำเลยเป็นผู้ขับรถยนต์คู่กรณีที่เฉี่ยวชนกับรถยนต์คันที่โจทก์รับประกันภัยไว้เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2535 หรือหลังจากวันดังกล่าว โจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2535 ยังไม่เกินหนึ่งปี นับแต่รู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนคดีโจทก์จึงยังไม่ขาดอายุความ ศาลอุทธรณ์ภาค 1พิพากษามาชอบแล้ว ฎีกาจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
แต่ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาให้จำเลยรับผิดชำระดอกเบี้ยนับตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2534 จนกว่าจะชำระเสร็จโดยมิได้ระบุว่า ดอกเบี้ยคิดถึงวันฟ้องต้องไม่เกิน 8,237 บาท นั้นเป็นการพิพากษาเกินคำขอต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 142 ประกอบมาตรา 246 ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขเสียให้ถูกต้องด้วย”
พิพากษาแก้เป็นว่า ดอกเบี้ยคำนวณถึงวันฟ้องต้องไม่เกิน8,237 บาท นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1

Share