แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ในการที่จำเลยลักทรัพย์นั้นเจ้าทรัพย์เข้าจับจำเลยจนถึงกอดปล้ำกันล้มลุกคลุกคลานไป เมื่อเลิกกันแล้ว ปรากฏว่าแขนของเจ้าทรัพย์ฟกช้ำโดบไม่ปรากฏเหตุดั่งนี้ ไม่พอฟังได้ว่าจำเลยมีเจตนาทำร้ายเจ้าทรัพย์ ไม่มีผิดฐานชิงทรัพย์คงมีผิดแต่ฐานลักทรัพย์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษฐานชิงทรัพย์ตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา ๒๕๘,๒๕๙ และ ๖๓ ศาลชั้นต้นตัดสินลงโทษจำเลยฐานชิงทรัพย์ตามมาตรา ๒๙๔ ให้จำคุก ๓ ปี ศาลอุทธรณ์ฟังว่า จำเลยลักทรัพย์จริง แต่ฟังไม่ได้ว่าจำเลยทำร้ายเจ้าทรัพย์ จึงพิพากษาแก้ให้ลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์ในเคหะสถานในเวลาค่ำคืนและมีสาตราวุธตามม. ๒๙๕ ให้จำคุก ๓ ปี
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยฐานชิงทรัพย์ ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาในข้อกฎหมาย
ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ฟังว่าในการที่จำเลยลักทรัพย์นั้นเจ้าทรัพย์เข้าจับจำเลยจนถึงกอดปล้ำกันล้มลุกคลุกคลานไป เมื่อเลิกกันแล้วปรากฎแขนของเจ้าทรัพย์ฟกช้ำ ซึ่งเจ้าทรัพย์อาจล้มไปถูกอะไรเข้าเองฟังไม่ได้ว่าจำเลยใช้สาตราวุธอะไรทำร้ายเจ้าทรัพย์ คดีไม่เข้าบทกฎหมายฐานชิงทรัพย์ เพราะไม่ปรากฎว่าจำเลยใช้กำลังกระทำร้ายเจ้าทรัพย์ เพื่อเหตุอย่างหนึ่งอย่างใดดั่งที่กำหนดไว้ในมาตรา ๒๕๘ จึงพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ยกฎีกาโจทก์